เกาะติดข่าวดาราก่อนใคร

กดติดตาม “ทีวีพูล”

banner

เมื่อวันที่ 24 พ.ค. ที่กองบังคับการปราบปราม (บก.ป.) พ.ต.อ.ปทักข์ ขวัญนา ผกก.4 บก.ป.พร้อม พ.ต.ท.เอกสิทธิ์ ปานสีทา รอง ผกก.4 บก.ป. และ พ.ต.ท.ณัฐพงษ์ เกิดเอี่ยม รอง ผกก.4 บก.ป. ร่วมแถลงชี้แจงกรณีตำรวจ กก.4 บก.ป.จับกุม น.ส.นิษฐา วงวาล หรือ แม่ปุ๊ก ในข้อหา “รับไว้ซึ่งเด็กโดยมีความมุ่งหมายเพื่อเป็นการแสวงหาประโยชน์โดยมิชอบ, พยายามฆ่าผู้อื่นโดยไตร่ตรองไว้ก่อน, ทำร้ายผู้อื่นจนเป็นเหตุให้ผู้นั้นถึงแก่ความตาย, ฉ้อโกงโดยการแสดงตนเป็นคนอื่น, ฉ้อโกงประชาชน” และจะแจ้งข้อหาค้ามนุษย์กับน.ส.นิษฐาเพิ่มอีก 1 ข้อหา

หลังก่อเหตุหลอกลวงชาวเน็ตให้สั่งซื้อสินค้าต่างๆ ผ่านเฟซบุ๊ก โดยอ้างว่าต้องการนำเงินไปรักษาน้องอมยิ้ม อายุ 4 ขวบ ที่ป่วยเป็นโรคประหลาดก่อนจะเสียชีวิตไปในเดือนสิงหาคม ปี 2562 ต่อมา แม่ปุ๊กอ้างว่าน้องอิ่มบุญ อายุ 2 ขวบ น้องชายคนเล็กได้ป่วยแบบเดียวกัน แต่เมื่อแพทย์ตรวจสอบอาการเด็กแล้วพบพิรุธว่าเด็กอาจถูกสารเคมีที่มีฤทธิ์กัดกร่อนทำลายร่างกาย ขณะที่ตัวแม่ปุ๊กกลับได้เงินช่วยเหลือไปร่วม 20 ล้านบาท

พ.ต.ท.เอกสิทธิ์ เปิดเผยว่า ในส่วนของกองปราบเริ่มจากกรณีที่แม่เอม ซึ่งเป็นแม่จริงๆ ของน้องอมยิ้มที่เสียชีวิตไปแล้ว โดนหมายเรียกในคดีที่หลอกขายสินค้าออนไลน์ เจ้าตัวจึงเข้ามาชี้แจงว่าถูกแม่ปุ๊ก นำเอกสารส่วนตัวไปใช้เปิดบัญชี โดยอ้างว่าจะนำไปทำประกันสุขภาพให้ลูกๆ ตัวเองจึงหลงเชื่อ

ด้าน พ.ต.ท.ณัฐพงษ์ เปิดเผยว่า ข้อมูลทางการแพทย์ระบุว่าโรคประหลาดที่แม่ปุ๊กอ้างว่าลูกทั้ง 2 นั้นป่วยไม่มีอยู่จริง ส่วนอาการเจ็บป่วยของเด็กซึ่งมีร่องรอยแผลไหม้ที่ปากนั้น ชัดเจนว่าเป็นการรับสารพิษเข้าสู่ร่างกาย ผ่านการรับประทานเข้าไป ไม่ใช่โรคทางพันธุกรรมตามคำกล่าวอ้างของผู้ต้องหา ซึ่งแพทย์ยืนยันข้อเท็จจริงมาแล้ว

โดยในวันที่จับกุมผู้ต้องหา ตำรวจนำหมายศาลเข้าตรวจค้นบ้าน และพบสารเคมีเป็นของเหลวต้องสงสัยบางอย่าง ซึ่งกำลังส่งตรวจพิสูจน์ทางวิทยาศาสตร์ว่า เป็นสารที่ออกฤทธิ์ตรงกับที่แพทย์ให้ข้อมูลเรื่องอาการของเด็กหรือไม่

พ.ต.ท.ณัฐพงษ์ กล่าวต่อว่า ตอนนี้ยังอยู่ระหว่างขั้นตอนสืบสวนสอบสวน เพื่อให้ความเป็นธรรมกับทุกๆ ฝ่าย แต่ยืนยันว่าตำรวจมีหลักฐานที่น่าเชื่อได้ว่าผู้ต้องหาได้กระทำผิดจริง และหากมีพยานหลักฐานยืนยันได้ว่า มีบุคคลอื่นที่เกี่ยวข้องก็จะต้องถูกดำเนินคดีด้วย

อย่างไรก็ตาม ยังมีประเด็นที่ว่าน.ส.นิษฐาเคยเรียนเภสัชกร ซึ่งจะเกี่ยวข้องกับการนำสารเคมีมาใช้หรือไม่ก็นับเป็นข้อมูลสำคัญที่กำลังสืบสวนอยู่ ทั้งนี้พบว่ายอดเงินบริจาคที่ได้รับไม่สอดคล้องกับค่ารักษาอาการเด็กอย่างมีนัยสำคัญ แต่ต้องตรวจสอบอย่างละเอียด เพราะอาจมีการใช้สิทธิ์เบิกประกันอย่างไรหรือไม่

“สำหรับการที่แม่เอม ยกน้องอมยิ้มให้แม่ปุ๊กรับไปดูแลนั้น เพราะเจ้าตัวไม่พร้อมจะมีลูก โดยไปรู้จักกันผ่านโซเชียลเท่านั้น ซึ่งแม่ปุ๊กอ้างว่าจบเภสัชกร แม่เอมจึงเชื่อว่าเด็กจะมีอนาคตที่ดีกว่า ทั้งนี้ ฝากว่าการมีลูกในสภาพไม่พร้อมนั้น ยังมีหน่วยงานรัฐที่พร้อมให้การช่วยเหลือ การนำลูกไปยกให้คนอื่นเองอาจไม่ปลอดภัยต่อสวัสดิภาพของเด็ก อย่างที่ควรจะเป็นและกลายเป็นบ่อเกิดปัญหาสังคม

ขอเตือนด้วยว่า การให้เอกสารส่วนตัวกับคนอื่นนั้นไม่ควรทำอย่างยิ่ง เพราะจะถูกนำไปใช้ในทางที่ผิดได้ และฝากประชาชนที่ได้รู้เห็นพฤติกรรมใดๆ ที่เกี่ยวข้องกับน้องอิ่มบุญน้องอมยิ้ม ขอให้ติดต่อ กก.4 บก.ป.เพื่อให้ข้อมูลประกอบการทำคดีต่อไป” รอง ผกก.4 บก.ป. กล่าว