เกาะติดข่าวดาราก่อนใคร

กดติดตาม “ทีวีพูล”

banner

จากเหตุการณ์ครอบครัวหัวร้อนโวยวายใส่เจ้าหน้าที่ตำรวจ สน.ดินแดง ล่าสุด! ถูกศาลสั่งปรับแล้ว ผัวเผย ตร.พูดไม่ดีก่อนวอนอย่าเพิ่งตัดสินจากภาพที่เห็น

ความคืบหน้าวันที่ 25 ก.พ. ตำรวจ สน.ดินแดง ควบคุมตัวนายพะยอม แสงวัน อายุ 33 ปี ชายที่ขับรถดังกล่าว นำตัวมาฝากขังที่ศาลแขวงพระนครเหนือศูนย์ราชการแจ้งวัฒนะ ศาลเเขวงพระนครเหนือ ในข้อหาดูหมิ่นเจ้าพนักงานในขณะปฏิบัติหน้าที่

ด้านพ.ต.ท.โรมรัญ ศรีเรือง สารวัตรจราจร สน.ดินแดง เปิดเผยว่า ขณะปฏิบัติหน้าที่บริเวณแยกประชาสงเคราะห์ ถ.ดินแดงขาเข้า มุ่งหน้าทางด่วนดินแดง เมื่อเย็นวันที่ 24 ก.พ.ที่ผ่านมา พบรถกระบะมาสด้าป้ายแดง บรรทุกคนมาจำนวนมาก ผู้ใต้บังคับบัญชาที่ปฏิบัติหน้าที่อยู่ได้เรียกมาตรวจสอบ เบื้องต้นคนขับคือผู้ต้องหา ไม่มีใบอนุญาตขับขี่ในฐานะคนขับรถ พร้อมกับด่าทอเจ้าหน้าที่ด้วยคำหยาบคาย ขณะเดียวกันครอบครัวของชายคนดังกล่าวได้รุมถ่ายคลิปการปฏิบัติงาน ก่อนที่ตำรวจจะชี้แจงให้ทราบถึงรายละเอียดตามที่ปรากฏในภาพ พร้อมกับเชิญตัวมาที่สน.ดินแดง เพื่อดำเนินคดีในข้อหา นำรถที่ไม่ได้จดทะเบียนมาใช้ในทาง, ไม่มีใบอนุญาตขับขี่ฯ และดูหมิ่นเจ้าพนักงานขณะปฏิบัติหน้าที่ รวม 3 ข้อหา ซึ่ง 2 ข้อหาแรกได้ดำเนินการเปรียบเทียบเรียบร้อยแล้ว

“ระหว่างการจับกุม กลุ่มของผู้ถูกกล่าวหา ได้บอกให้เจ้าหน้าที่รับโทรศัพท์ โดยกล่าวอ้างว่าปลายสายเป็นทนายความขอเจรจากับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น แลกกับการที่จะไม่ให้ดำเนินคดี โดยผู้ถูกกล่าวหาพร้อมที่จะขอโทษ และรับผิดกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น เพราะหากถูกดำเนินคดีจะถูกเพิ่มโทษ เนื่องจากกลุ่มผู้ถูกหามีพฤติกรรมหัวร้อนกับตำรวจมาแล้วหลายพื้นที่ โดยเฉพาะในปี 2561 เกิดเหตุการณ์มีปากเสียงและชกต่อยกับตำรวจที่สภ.มาบตาพุด จ.ระยอง จนถูกดำเนินคดีเป็นข่าวโด่งดัง รวมทั้งในพื้นที่ สภ.ปราสาท จ.สุรินทร์ และสภ.บางศรีเมือง จ.นนทบุรี และยังมีคดีกับประชาชนในพื้นที่อื่นๆ จนเป็นคดีความรวม 4 คดี”สารวัตรจราจรสน.ดินแดงกล่าว

ต่อมาเวลา 15.00 น. ศาลเเขวงพระนครเหนือ ตัดสินลงโทษนายพะยอม ในข้อหาดูหมิ่นเจ้าพนักงานในขณะปฏิบัติหน้าที่ เป็นโทษปรับจำนวนเงิน 2,500 บาท และปล่อยตัวกลับโดยไม่มีเงื่อนไข

ขณะที่นายพะยอม ปฏิเสธไม่ขอพูดถึงรายละเอียดเนื่องจากอยากให้คดีจบแล้ว เเต่ยืนยันเพียงว่าเรื่องราวทุกอย่างมีที่มาที่ไป ไม่ใช่จู่ๆ จะเกิดการทะเลาะโต้เถียง ขอประชาชนอย่าเพิ่งด่วนตัดสินจากภาพที่เห็น โดยยืนยันว่าวันเกิดเหตุตำรวจมีพฤติกรรมเเละพูดจาไม่ดีกับลูกน้อง รวมทั้งตนก่อนด้วย ยอมรับว่าเครียดกับการแสดงความคิดเห็นในโซเชียลมีเดีย จนตนปิดการรับรู้ไม่รับข่าวสารและไม่อ่านคอมเมนต์ต่างๆ หลังจากนี้คงต้องพยายามหาแนวทางปรับการใช้ชีวิตให้ใจเย็นลง เพื่อป้องกันความเสียหายที่จะตามมา