เกาะติดข่าวดาราก่อนใคร

กดติดตาม “ทีวีพูล”

banner

“ชัยวัฒน์” เปิดหน้าชก ป.ป.ท. ปฏิเสธไม่ได้เผาบ้านปู่โคอี้ “คุณเอาผมแช่แข็ง ทำกับผมแบบนี้ได้อย่างไร”

จากกรณีคณะกรรมการปปท.ชี้มูลความผิดตามมาตรา157และเสนอให้กรมอุทยานฯ ดำเนินการให้ นายชัยวัฒน์ ลิ้มลิขิตอักษร ผอ.สบอ.9 อุบลราชธานี ออกจากราชการ ทำให้เกิดเสียงวิพากษ์วิจารณ์กันไปทั่ว ว่าปปท.ดำเนินการในเรื่องนี้ เป็นไปอย่างบริสุทธิ์ยุติธรรม  ต่อข้าราชการ ที่ปฎิบัติหน้าที่อย่างเข้มแข็ง ตรงไปตรงมา หรือไม่ ล่าสุด ชาวเพชรบุรีหลายกลุ่ม เตรียมเดินทางเข้าทำเนียบ พบนายกขอความเป็นธรรม ด้านผอ.ชัยวัฒน์จะเดินทางไปขอดูรายละเอียดที่ปปท.จ.นครปฐม รวมทั้งจะเดินทางเข้าแจ้งความกองปราบ ให้ดำเนินคดีกับปปท.ในมาตรา157 ด้วยเช่นกันตามข่าวที่ได้เสนอไปแล้ว ความคืบหน้า เมื่อเวลา 10.00 น.วันที่ 1 มีนาคม 2564 นายชัยวัฒน์ ลิ้มลิขิตอักษร ผอ.สบอ.9 อุบลราชธานี พร้อมทีมทนายความ ได้เดินทางไปยังปปท.เขต7จ.นครปฐม เพื่อขอทราบรายละเอียด ในเรื่องที่คณะกรรมการปปท.ชี้มูลความผิด ตามมาตรา157  และให้ออกจากราชการ

นายชัยวัฒน์ ลิ้มลิขิตอักษร ผอ.สบอ.9 อุบลราชธานี อดีตหัวหน้าอุทยานฯแก่งกระจาน เปิดเผยว่า ที่มาสำนักงานปปท.เขต7ในวันนี้ เพราะที่ผ่านมา ตอนสอบสวนตนมาสอบที่นี่ เขาเรียกมาสอบที่นี่ แต่ที่เราอยากรู้ก็คือว่า การออกข่าว การแถลงข่าว การมอบอำนาจในการแถลงข่าว การชี้ประเด็น มีมติยังไง ผู้ให้มติมีใครบ้าง หรือว่าชี้ประเด็นนี่ ในคณะกรรมการนี่ มีผู้ใดเป็นคนชี้มติ และก็ประเด็นไหน เพราะฉะนั้นเราอยากรู้รายละเอียด ในการให้ข่าวออกไปแล้วในการโจมตีนี่ เราเองเราก็ไม่รู้ พอให้ข่าวมาวันที่2ที่3นี่ เหมือนกึ่งรับกึ่งสู้ ส่วนตนเองนี่เสียไปแล้ว ตนเป็นข้าราชการ คุณมาชี้ให้ตนออกจากราชการ ถ้าหนังสือเดิน30วัน ก็เป็นประเด็นว่า ชีวิตราชการตนก็ต้องจบแบบนั้น ไหนไหนเปิดหน้าชกกันแล้ว ก็ต้องพูดกันเลย ตนอยากจะรู้เหมือนกันว่า ทำหนังสือมาขอรับทราบคำสั่ง และเอกสารต่างๆ ของคณะกรรมการป้องกัน และปราบปราม การทุจริตภาครัฐ คือที่นี่เขาสอบตน ก็อยากรู้ว่าที่คุณทำ ครบกระบวนการไหม แล้วในรายละเอียดคุณทำอะไรบ้าง ในการให้ข้อมูลชี้แจงต่อสังคม ต่อสื่อนี่ ใครเป็นผู้ให้

ผอ.คนดังเผยต่อว่า สำหรับในหมวดสุดท้ายนี่ ตนรับนะ ตนรับในการปฏิบัติหน้าที่ของตน ตนบอกแล้ว ตนปฏิเสธแล้วว่า ปู่โคอี้นี่อยู่นอกภารกิจ ไม่ได้เกี่ยวกับภารกิจเลย ในส่วนที่เราไปทำนี่ อยู่ในแปลงป่าลึก อยู่ในชายขอบติดแนวชายแดน ซึ่งเป็นแปลงปลูกยาเสพติด อันนั้นเราปฏิบัติหน้าที่ เป็นเพิงพักเข้าออกยากอยู่แล้ว อันนี้เรามีการทำลายจริงๆ แต่ว่าบ้านปู่โคอี้นี่คนละภารกิจ เราก็บอกว่าบ้านปู่โคอี้นี่ก็ยังไม่มีพิกัด ไม่มีใครเข้าไปดูเลย แล้ววันนี้จะมาชี้ประเด็นตน หรือว่ามาสอบตนนี่ ก็ขอให้คณะกรรมการชุดนี้ทุกคน ตนหมายเหตุด้วยนะ ทุกคนไปดูในจุดเกิดเหตุก่อน แล้วก็พิจารณานี่ตนรับได้ แต่ถ้าเข้าไปในกรณีที่ว่าบินไปดู หรือไปดูแปลงปลูกป่า อะไรอย่างนี้ อย่าเอามาผสมกัน มันคนละเรื่อง เพราะเรารู้ว่าเขาไป ไปที่ไหนไปยังไง แต่เขาไม่เคยไปที่บ้านจุดเกิดเหตุ

สำหรับในเรื่องจนท.เผาบ้านตามที่เป็นข่าวนั้น นายชัยวัฒน์ กล่าวว่า ไม่ใช่ครับ ตนอยู่6ปีนี่1ถึง3ปีนี่ เราเจรจาแล้วตกลงกับเขา บางคนก็กลับไปฝั่งโน้น ส่วนใหญ่จะเจอเป็นคนฝั่งโน้น เขาก็ขอกลับ เขาปลูกข้าวตั้งแต่โค่น จนปลูกข้าวเสร็จ เกี่ยวข้าวเสร็จแล้วก็ขอกลับไป แต่ที่ดำเนินการทั้งหมดนี่9ครั้ง  ครั้งหนึ่งก็ประมาณ 7จุด12จุด15จุด รวมทั้งหมด6ปี ที่มีรายละเอียดทั้งหมด ที่เรารายงาน98เพิงพักนี่ อย่าบอกเป็นหลัง เพราะเป็นเพิงที่ซ่องสุม มีกัญชา มีสัตว์ป่าอะไรอย่างนี้ เป็นเพิงขนำ เป็นบริเวณที่หลบภัยออกมา ก็เหมือนกับสร้างเป็นกระต๊อบที่เราเห็น เพราะฉะนั้น98ครั้ง ในจุดที่ตรงนั้น ไม่ใช่นะครับ ใน6ปี ทำทั้งหมด9ครั้ง แต่ละครั้งก็ประมาณ7จุด12จุด9จุด17จุด ประมาณนั้น ไม่ได้ทำครั้งเดียว แต่จุดเหล่านี้อยู่ริมชายแดนไทย-พม่า ไม่มีบ้านปู่โคอี้ในจุดเหล่านี้

บ้านปู่โคอี้นี่ ต้องเรียนว่าประเทศไทยนี่ ถ้าเราเอาประเทศไทยคือแผนที่ของอุทยานฯแก่งกระจาน ที่เราไปทำงานนี่ อยู่ประมาณเชียงใหม่เชียงราย แต่ว่าปู่โคอี้นี่อยู่จ.ราชบุรี ประมาณนั้น ถ้าจะมองว่าปู่โคอี้อยู่ใจแผ่นดิน ไม่ใช่นะครับ อยู่ตรงห้วยสามแพร่ง ตรงที่เราไปทำนี่อยู่ทางทิศเหนือ ปู่โคอี้ที่ไปรับนี่อยู่ห้วยสามแพร่ง อยู่ด้านใต้ของอุทยานฯแก่งกระจาน คนละจุดครับ ตรงนี้คือประเด็น ตนเชื่อว่าสังคมเข้าใจว่า เราไปดำเนินการอยู่ไปเผาหมู่บ้าน นี่ไม่ใช่ครับ คือแต่ละครั้งนี่มีการบุกรุกเข้ามาที 2 จุด 3 จุด 17 จุด 6 จุด 9 จุด แต่ละจุด แต่ละครั้ง เราบินสำรวจก่อน แล้วมีเป้าหมายเราถึงไปลง แต่ละครั้งแต่ละเดือน ก็จะทำรายงานแต่ละเดือนมา ถึงมีเป้าหมาย ขอกระทรวงขอร่วมกับหน่วยงานต่างๆ ไม่ว่าจะเป็นของปปส.ปราบปรามยาเสพติด บก.ปทส. ตำรวจภาค7 คือทุกหน่วยงาน ทหาร ตำรวจ ปกครอง จะไปร่วมกัน 7หน่วยงาน ไม่ใช่ผมคนเดียวที่ไป แล้วก็ไปเผาทำลายในเพิงพักที่มีแปลงกัญชาทั้งสิ้น แต่ที่ว่าเรื่องปู่โคอี้โดนเผานี่ คนละเรื่องแล้วครับ ไม่มี เราไม่เคยดำเนินการอย่างนั้นหลังจากตรงนี้ไปแล้ว จากการให้ข่าวที่ ทำลายชื่อเสียงตน และครอบครัวตนทั้งหมด แล้วเหตุที่มีประเด็นไม่มีประเด็น นี่คืออันนี้เจตนาอยู่แล้ว มันเจตนาพิเศษ วางไทม์ไลน์เลยว่า มีเจตนาพิเศษหรือไม่ การให้ในข้อหา 200 วรรค 2 นี่ มันมีพิรุธอยู่แล้ว ว่าการกลั่นแกล้งให้ผู้อื่นได้รับโทษแบบนี้ เจตนาที่ตนคนเดียว

อย่างไรก็ตาม หลังจากขอรับเอกสารรายละเอียด การชี้มูลความผิด ขากปปท.เขต7 จ.นครปฐมแล้ว นายชัยวัฒน์ จะเดินทางไปแจ้งความ ที่กองบังคับการปราบปราม การกระทำผิดเกี่ยวกับ การทุจริตและประพฤติมิชอบ เพื่อเอาผิด ป.ป.ท. ในมาตรา 157 ละเว้นการปฏิบัติหน้าที่ และมาตรา 200 วรรค 2 การแกล้งให้บุคคลหนึ่งบุคคลใดต้องรับโทษ รับโทษหนักขึ้น ต่อไป