เกาะติดข่าวดาราก่อนใคร

กดติดตาม “ทีวีพูล”

banner

วอนช่วย 3 ยายหลาน อาศัยกระท่อมเก่าผุพัง กันลม-ฝน ไม่ได้ ต้องอยู่อาศัยร่วมกับสัตว์มีพิษหลากชนิด ฤดูฝนไม่มีที่หลบต้องยอมเปียก แถมที่ดินถูกเอาไปจำนอง ไม่รู้ชะตากรรม อาศัยเบี้ยคนชราและบัตรสวัสดิการแห่งรัฐประทังชีวิต เผยชีวิตนี้อยากได้แค่บ้านพอให้หลานได้ซุกหัว

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า หลังจากที่ได้พบ ช่องยูทูป “ลุงจ่าพาลุย” ได้เผยแพร่สภาพบ้านที่อยู่อาศัย ของ 3 ชีวิต ยาย-หลาน โดยสภาพบ้านไม่สามารถบังลมบังฝนได้ โดยใช้เพียงแผ่นสังกะสีผุพังมาแปะไว้ และนำผ้าสแลนมาบังแดด ไม่มีไฟฟ้าใช้ อาศัยต่อจากเพื่อนบ้าน ที่บ้านเลขที่ 83 หมู่ที่ 5 ต.ยางสว่าง อ.รัตนบุรี จ.สุรินทร์  ออกไปตามสื่อโซเชียล  ซึ่งมีผู้คนติดตามอย่างมากมายนั้น

วานนี้วันที่ 14 มีนาคม 2564 ผู้สื่อข่าวจึงได้ลงพื้นที่เข้าตรวจสอบตามที่ปรากฎในภาพ พบเป็นบ้านหลังคาแบบเพิงหมาแหงนใช้สังกะสีเก่าผุพังมาแปะเป็นฝาห้องนอน ตัวบ้านใช้ผ้าสแลนบังแดด โดยอยู่ห่างจาก ที่ทำการ อบต.ยางสว่างไม่ถึง 1 กิโลเมตร ภายในตัวบ้านมีอุปกรณ์ทำครัว พร้อมเตาแก๊สไว้ทำกับข้าว และตู้เย็นเก่าๆ 1 เครื่อง ทราบชื่อเจ้าของบ้านคือ นางนัฐวดี ลาที อายุ 64 ปี อาศัยอยู่กับหลานอีก 2 คน ชื่อเด็กชายภานุวัฒน์ พรชุบ อายุ 9 ขวบ กำลังศึกษาอยู่ชั้น ป.2 และ เด็กหญิงฐิติยา พรชุบ อายุ 11 ขวบ ศึกษาอยู่ชั้น ป.4 ที่โรงเรียนบ้านโนนจำปา ต.ธาตุ อ.รัตนบุรี จ.สุรินทร์ โดยหลังจากทั้ง 2 เลิกจากการเรียน ก็มาช่วยงานบ้านทุกอย่างและคอยทำกับข้าวรอยายที่ออกไปขายของที่ศูนย์การค้าประจำหมู่บ้าน โดยสภาพบ้านภายใน แทบไม่มีความสะดวกสบายและปลอดภัย  หากเกิดฝนตก ทั้ง 3 ยายหลาน ต้องนำผ้าห่มมาคลุมโปงเพื่อไม่ให้ฝนสาดใส่ และยังเป็นที่อยู่อาศัยของสัตว์มีพิษหลากหลายชนิด ทั้งงู ตะขาบ แมงป่อง แมงมุม เป็นต้น ที่เข้ามาร่วมอาศัยอยู่ภายในบ้านด้วย

ทางด้าน ด.ช.ภานุวัฒน์ พรชุบ อายุ 9 ขวบ เรียนอยู่ชั้น ป.2 กล่าวว่า มีอยู่วันหนึ่ง ตนเห็นเตียงขาว (แมวที่เลี้ยงไว้) มายืนจ้องที่ใต้ตู้เสื้อผ้า ปรากฏว่าตนเห็นงูสิงกำลังจะกินกบอยู่ ซึ่งที่บ้านจะมีสัตว์มีพิษเข้ามาบ่อยมาก ไม่ว่าจะเป็นงู ตะขาบ และแมงมุม ซึ่งตนเคยโดนแมงมุมกัดมาแล้ว และหากมีสัตว์มีพิษเข้ามาภายในบ้าน ตนจะรีบไปบอกยายให้มาช่วยจับออก  เพราะกลัวจะโดนกัดอีก

ส่วน ด.ญ.ฐิติยา พรชุบ อายุ 11 ปี เรียนอยู่ชั้น ป.4 เล่าว่า เมื่อหลายวันก่อน ตนนอนดูการ์ตูนกับน้องและมีเพื่อนๆมาด้วย โดยเพื่อนได้เปิดที่นอน พบว่ามีตะขาบตัวใหญ่ขดตัวอยู่ใต้ที่นอน แล้วน้องชายตนก็เอาเหล็กคีบถ่านมาคีบออกไป โดยเพาะในฤดูฝนไม่เพียงสัตว์มีพิษจะหลบหนีเข้าบ้านแล้ว น้ำยังไหลเข้าบ้านอีกด้วย โดยตนจะต้องเอาดินมาอุดทางเดินน้ำอย่าให้ไหลเข้ามา โดยล่าสุดตนนอนอยู่ช่วงกลางดึก ตนโดนแมงป่องไต่หน้า ซึ่งขณะนั้นคิดว่าเป็นมด จึงใช้มือปัดออก ตนจึงเอาไฟฉายส่งดูปรากฏว่าเป็นแมงป่องขนาดเล็กเท่านิ้วก้อย โดยตอนนี้สิ่งที่ตนอยากได้มากที่สุดเลยก็คือ “บ้าน” หากได้จริงๆตนคิดว่า น่าจะมีความสุขและชีวิตก็คงจะดีขึ้น และปิดเทอมปีนี้ ตนก็จะไปหาแม่ที่กรุงเทพ ตนคิดถึงแม่มาก แต่ตอนนี้ก็ได้แต่โทรศัพท์คุยเอา โดยแม่บอกว่าอยากมา แต่มาไม่ได้เพราะต้องทำงานหาเงินส่งตนเรียน เพราะตนฝันว่าอยากเป็นครูสอนนักเรียน

ทางด้านนางนัฐวดี ลาที อายุ 64 ปี (ยาย) เล่าว่า เมื่อก่อนตนมีสามีและลูกด้วยกันอยู่ 4 คน ซึ่งไปใช้ชีวิตอยู่ที่ภาคกลาง ตนคิดว่าจะไม่กลับมา โดยตนมีปัญหากับสามี และลูกๆก็ไม่เอาตนแล้ว ตนจึงต้องบากหน้ากลับมาอยู่บ้านเกิด ไม่นานลูกสาวคนเล็กก็เลิกกับสามีไปมีครอบครัวใหม่ ตนจึงไปรับหลานทั้ง 2 มาอยู่ด้วย โดยที่ลูกสาวคนเล็กส่งเงินมาให้ทุกเดือน เดือนละ 3,000-5,000 บาท ซึ่งทุกวันนี้ตนพึ่งพาได้แค่ลูกสาวคนเล็กคนเดียวที่คอยส่งเสีย โดยตนทำทุกอย่าง ไม่ว่าจะทำกับข้าวขาย หรือขายเครื่องสำอางได้แค่กินไปวันๆ วันละประมาณ 100 บาท ทุกวันนี้สู้ราคาวัตถุดิบไม่ไหว จึงเลิกขายกับข้าวไป ต้องไปรับจ้างขายของที่ศูนย์การค้าหมู่บ้าน ได้วันละประมาณ 100 บาท ซึ่งในแต่ละเดือนภาระค่าใช้จ่ายก็มากมายพอสมควร ทั้งค่าน้ำ ค่าไฟ ค่าอาหาร และให้หลานๆไปโรงเรียน คนละ 10-20 บาท ซึ่งหากวันไหนไม่มีจริงๆ ตนต้องเซ็นค่าอาหาร บางครั้งก็ต้องไปหยิบยืมเพื่อนบ้านมาใช้จ่าย แต่ตนก็ยังดีที่มีสวัสดิการแห่งรัฐ และเบี้ยคนชราเดือนละ 600 บาทที่ช่วยแบ่งเบาภาระด้านการกินอยู่ ซึ่งตอนนี้ก็ยังไม่มีหน่วยงานใดยื่นมือเข้ามาช่วย ตนรู้สึกท้อแท้กับชีวิตมาก แต่เมื่อหันกลับมามองหน้าหลานๆ ตนฮึดสู้กลับมามีกำลังใจมากขึ้น เพราะถ้าหากตนเป็นอะไรไปคนหนึ่ง แล้วหลานทั้ง 2 จะอยู่อย่างไร หลานตนต้องได้ทานให้อิ่ม โดนตนจะน้ำบัตรสวัสดิการแห้งรัฐไปรูดเอาอาหารแห้งมาตุนไว้ตลอด หลานก็จะทำกินเองทุกวัน

ส่วนพี่น้องที่อาศัยอยู่ใกล้เคียง หากตนไม่มีข้าวสารจะกรอกหม้อจริงๆ ตนไปขอ เขาก็ตักแบ่งให้มา แต่หากบ่อยครั้งตนก็ไม่กล้าไปขอ สำหรับที่ดินที่ตนอยู่อาศัย ตนเป็นลูกคนโต ให้แม่โอนยกให้น้อง ๆ ไปทั้งหมด 10 กว่าไร่ โดยจะขอไว้แค่ที่แปลงที่กำลังอยู่แห่งนี้จำนวน 1 ไร่ 3 งาน แต่น้องกลับนำไปจำนองไว้ ตนจึงไม่มีที่ดินเป็นของตัวเอง ซึ่งตอนนี้สิ่งที่ต้องการมากที่สุดคือ “บ้าน” โดยจะขออยู่ที่ดินแปลงนี้ไปก่อน สำหรับหนี้สินในระบบเกือบ 1 แสนบาท ส่วนหนี้นอกระบบอีกกว่า 1 แสนบาท โดยตนก็ผ่อนใช้เป็นเดือนๆ น้อยบ้างมากบ้างแต่ใช้ตลอด สำหรับหลานๆทั้ง 2 จะได้ทุนเด็กยากไร้จากศิษย์เก่าของโรงเรียนทุกปี โดยได้คนละ 1,000 บาท ต่อปีการศึกษา โดยทั้ง 2 จะปั่นจักรยานไปเรียนที่ โรงเรียนบ้านโนนจำปี ต.ธาตุ อ.รัตนบุรี จ.สุรินทร์ ซึ่งอยู่ห่างออกไปราว 1 กิโลเมตร

ต่อมานายชูชัย ดำรงสันติสุข อุปนายกสมาคมสื่อสารมวลชนทราบข่าว ก็ได้นำรถจักรยาน 2 คันมามอบให้ 2 นักเรียนมีฐานะยากไร้ โดยได้กล่าวว่า ตนทราบข่าวจากช่องยูทูป “ลุงจ่าพาลุย” ทำให้เห็นสภาพชีวิตของครอบครัวนี้ จึงเป็นตัวแทนของสมาคมสื่อสารมวลชนนำจักรยานปั่นคันใหม่มามอบให้ เป็นการช่วยเหลือในเบื้องต้น เพื่อให้เดินทางไปเรียนหนังสือสะดวกขึ้น โดยจักรยานที่น้องใช้อยู่ทุกวันก็เก่ามากแล้ว โดยต่อไปก็จะช่วยประสานหน่วยงานรัฐเข้ามาให้ความช่วยเหลือต่อไป

หากผู้ใจบุญต้องการช่วยเหลือครอบครัวนี้ ก็สามารถโอนเข้าบัญชีธนาคาร ออมสิน เลขที่ 020242453783 ชื่อบัญชี นาง ณัฐวดี ลาที หรือสอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ หมายเลขโทรศัพท์ 088-342-2595  ซึ่งจะมีคณะกรรมการหมู่บ้านจำนวน 3 ท่านช่วยดูแลควบคุมการใช้จ่าย  จากเงินที่ได้รับการช่วยเหลือมาในครั้งนี้  เพื่อให้เป็นไปตามวัตถุประสงค์อย่างรัดกุมด้วย