สำนักข่าวต่างประเทศมีรายงานว่า ผู้คนไม่สวมหน้ากากมากกว่า 6,500 คน เข้าร่วมปาร์ตีผิดกฎหมายซึ่งจัดขึ้นบนท้องถนนสายหนึ่งในเมืองมาร์กเซย์ ทางภาคใต้ของฝรั่งเศส
เมื่อวันจันทร์ (22มี.ค.) มีหลายสิบคนถูกปรับเงินฐานละเมิดข้อจำกัดสกัดการแพร่ระบาดของโควิด-19 และมี 9 คนถูกจับกุม “มันคือการดูหมิ่นเจ้าหน้าที่สาธารณสุขของเขา มันเป็นการขาดความเคารพโดยสิ้นเชิงต่อคนทั้งหมดที่กำลังทำหน้าที่และกำลังพยายาม มันเป็นพฤติกรรมที่ไม่อาจยอมรับได้”
บรรดานักท่องเที่ยวในเข้าร่วมปาร์ตีผิดกฎหมายในครั้งนี้ ส่วนมากล้วนแต่ต่อต้านมาตรการล็อกดาวน์ โดยคร่ำครวญว่าพวกเขารู้สึกเหนื่อยหน่ายกับมันอย่างที่สุด
ในความพยายามควบคุมการแพร่ระบาดของโควิด-19 ระลอก 3 ที่กำลังแพร่ระบาดอย่างหนักทั่วประเทศ ข้อจำกัดล็อกดาวน์รอบใหม่ได้มีผลบังคับใช้ตั้งแต่วันเสาร์(20มี.ค.) ที่ผ่านมา ใน 16 แคว้นของฝรั่งเเศส แต่ มาร์กเซย์ ไม่ได้เป็นหนึ่งในนั้น
นายกเทศมนตรีเมืองมาร์กเซย์ เขียนลงทวิตเตอร์เมื่อวันอาทิตย์(21มี.ค.) ประณามปาร์ตีดังกล่าว โดยบอกว่า “ไม่มีข้ออ้างความที่ชอบธรรมใดๆ ที่จะมาบ่อนทำลายความพยายามของส่วนรวม ในความมุ่งมั่นควบคุมการแพร่ระบาดของไวรัส”
เมื่อช่วงสุดสัปดาห์ที่ผ่านมา ได้เกิดการรวมตัวของนักเที่ยวแบบเดียวกันนี้ในสหรัฐฯ กระตุ้นให้ตำรวจไมอามีบีช ต้องยิงแก๊สน้ำตาเข้าใส่ฝูงชนที่เข้าร่วมงานปาร์ตี และจับกุมนักเที่ยวไปหลายสิบคนเมื่อช่วงค่ำวันเสาร์(20มี.ค.) ในขณะที่เมืองแห่งนี้ใช้มาตรการพิเศษในการปราบปรามเหล่านักเที่ยวช่วงวันหยุดฤดูใบไม้ร่วง ที่ไม่ยอมปฏิบัติตามมาตรการสกัดโควิด-19
กรมตำรวจไมอามีเปิดเผยในวันอาทิตย์(21มี.ค.) ว่าได้จับกุมนักเที่ยวมากกว่า 50 คนและยึดอาวุธปืนสั้นได้ 8 กระบอก
เหตุการณ์ปาร์ตีผิดกฎหมายในมาร์กเซย์ เกิดขึ้นในขณะที่เคสผู้ติดเชื้อใหม่โควิด-19 ในฝรั่งเศส ยังพุ่งสูงต่อเนื่อง แม้หลายแคว้นเริ่มเข้าสู่การล็อกดาวน์รอบ 3 เมื่อช่วงสุดสัปดาห์ที่ผ่านมา ขณะที่จำนวนผู้ติดเชื้ออาการรุนแรงถึงขั้นต้องเข้าไอซียู ทุบสถิติสูงสุดในรอบ 4 เดือนหนใหม่
กระทรวงสาธารณสุขฝรั่งเศส รายงานพบผู้ติดเชื้อโควิด-19 รายใหม่อีก 15,792 คนในวันจันทร์(22มี.ค.) เพิ่มขึ้นมากกว่า 2 เท่า จากระดับ 6,471 คนเมื่อวันจันทร์ที่แล้ว(15มี.ค.) และถือเป็นจำนวนสูงสุดนับตั้งแต่ช่วงพีคสุดของการแพร่ระบาดระลอกสองในช่วงต้นเดือนพฤศจิกายน
