งานนี้รับรองว่าเป็นข่าวมีประโยชน์กับสายบุฟเฟ่ต์แน่นอน สืบเนื่องจากกรณีข่าวเมื่อเร็วๆ นี้ที่มีสมาชิกเฟซบุ๊กท่านหนึ่ง โพสต์ภาพและข้อความว่า โดนปรับค่าน้ำจิ้มซีฟู้ดเป็นราคาถึง 600 บาท หลังจากมาทานบุฟเฟ่ต์กับเพื่อน 4 คน แต่ทางร้านเอาน้ำจิ้มมาเทรวมกันและปรับขีดละ 100 บาท ทว่าหากย้อนดูข่าวเก่าๆ ก็จะพบว่า มีหลายเหตุการณ์ที่ผู้ใช้สื่อสังคมออนไลน์โพสต์ข้อความโดนปรับเงินจากการเข้าไปรับประทานอาหารในร้านบุฟเฟ่ต์และกินอาหารเหลือ ซึ่งตามกฎหมายแล้วทางร้านอาหารสามารถดำเนินการได้หรือไม่ ไปอ่านกัน
ทนายวิรัช หวังปิติพาณิชย์ ที่ปรึกษากฎหมาย และทนายความอิสระ ระบุว่า ร้านอาหารประเภทบุฟเฟ่ต์ สามารถกำหนดค่าปรับลูกค้าที่เข้าไปรับประทานอาหารภายในร้านได้หากลูกค้าตักอาหารมามากกว่าที่จะสามารถรับประทานหมด ซึ่งเป็นไปตามประมวลกฎหมายแพ่ง มาตรา 379 ซึ่งระบุไว้ว่า ถ้าลูกหนี้สัญญาแก่เจ้าหนี้ว่าจะใช้เงินจำนวนหนึ่ง เป็นเบี้ยปรับเมื่อตนไม่ชำระหนี้ก็ดี หรือไม่ชำระหนี้ให้ถูกต้องสมควร ก็ดี เมื่อลูกหนี้ผิดนัดก็ให้ริบเบี้ยปรับ ถ้าการชำระหนี้อันจะพึงทำนั้น ได้แก่งดเว้นการอันใดอันหนึ่ง หากทำการอันนั้นฝ่าฝืนมูลหนี้เมื่อใด ก็ให้ริบเบี้ยปรับเมื่อนั้น
ทนายวิรัช อธิบายเพิ่มเติมว่า ตามประมวลกฎหมายแพ่ง มาตรา 379 ไม่ได้กำหนดอัตราค่าปรับสูงสุดไว้ แต่สิ่งที่ผู้บริโภคสามารถทำได้คือ การเข้าไปรับประทานอาหารในร้านอาหาร ประเภทร้านบุฟเฟ่ต์ ต้องดูป้ายราคา และป้ายประกาศที่ระบุข้อตกลงให้ชัดเจน เช่น “ถ้ากินเหลือ ปรับเท่านั้นเท่านี้บาท” หากเห็นว่าทางร้านคิดค่าปรับในการกินอาหารเหลือแพงเกินไป ลูกค้าสามารถเดินออกจากร้านตั้งแต่แรกได้
ทนายวิรัช กล่าวต่อว่า ขณะเดียวกัน ทางร้านอาหารประเภทบุฟเฟ่ต์ต้องทำป้ายทั้งราคาและการคิดค่าปรับให้ลูกค้าเห็นได้อย่างชัดเจน ทั้งนี้หากเกิดปัญหาหรือข้อโต้แย้งขึ้น ที่สุดแล้วก็ต้องดำเนินไปตามกระบวนการของกฎหมาย เช่น ไปตกลงกันที่สถานีตำรวจ หรือฟ้องร้องตามกฎหมายกัน
ที่มา – PPTV