เกาะติดข่าวดาราก่อนใคร

กดติดตาม “ทีวีพูล”

banner

วันที่ 17 พ.ค.64 ที่องค์การบริหารส่วนจังหวัดเชียงใหม่ ได้แถลงความร่วมมือบริหารจัดการโรงพยาบาลสนามเรือนจำกลางเชียงใหม่ โดยมีนายเจริญฤทธิ์ สงวนสัตย์ ผู้ว่าราชการจังหวัดเชียงใหม่ พร้อมพล.ต.ถนัดพล โกศัยเสวี รองแม่ทัพภาคที่ 3 นพ.จตุชัย มณีรัตน์ สาธารณสุขจังหวัดเชียงใหม่ พล.ต.วุฒิไชย อิศระ รองเจ้ากรมการแพทย์ทหารบก นายสุรศักดิ์ เผื่อนคำ ผู้บัญชาการเรือนจำกลางเชียงใหม่ และนายอรรถวุฒิ พึ่งเนียม นายอำเภอแม่แตง พร้อมชี้แจงข้อเท็จจริงและรายละเอียด ประเด็นผู้ต้องขังในเรือนจำกลางเชียงใหม่ติดโควิด 3,929 คน

นายเจริญฤทธิ์ กล่าวว่า จากการตรวจพบผู้ติดเชื้อในเรือนจำกลางเชียงใหม่ ซึ่งเป็นพื้นที่ปิด จึงได้นำกลยุทธ์ควบคุมโรคแบบปิด Bubble & Seal เป็นระยะเวลา 28 วัน โดยความร่วมมือของสำนักงานสาธารณสุขจังหวัดเชียงใหม่ กองทัพภาคที่ 3 และกรมการแพทย์ทหารบก กองทัพบก พร้อมทั้งจัดตั้งโรงพยาบาลสนามเรือนจำกลางเชียงใหม่ รวมทั้งหน่วยงานต่างๆ ดูแลรักษาผู้ติดเชื้อด้วยมาตรฐานเดียวกับประชาชนทั่วไป

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

จากการดำเนินการที่ผ่านมาได้ผลน่าพอใจ ยืนยันทุกคนอยู่ภายใต้การดูแลรักษาอย่างดี ขณะที่ผู้พ้นโทษยังต้องได้รับการกักตัวอีก 14 วันในสถานที่ที่จัดไว้ให้ เพื่อให้มั่นใจว่าผู้ต้องขังสามารถกลับไปใช้ชีวิตได้ตามปกติและไม่ส่งผลกระทบกับชุมชน

นพ.จตุชัย มณีรัตน์ สาธารณสุขจังหวัดเชียงใหม่ กล่าวว่า การดำเนินการตามกลยุทธ์ Bubble & Seal ในเรือนจำกลางเชียงใหม่ เป็นการควบคุมโรคในพื้นที่ปิด เพื่อจำกัดไม่ให้มีการระบาดระหว่างแดน เป็นเวลา 28 วัน เริ่มตั้งแต่วันที่ 27 เม.ย. โดยจะเร่งตรวจคัดกรองเชิงรุกหาผู้ติดเชื้อในผู้ต้องขังทุกคน และเร่งให้การรักษา พร้อมจัดตั้งโรงพยาบาลสนามที่มีศักยภาพสูงในการรักษาคนไข้

ทั้งนี้ ย้ำว่าจำนวนผู้ต้องขังในเรือนจำกลาง ไม่มีผลต่อการพิจารณาปรับระดับพื้นที่ควบคุมของจังหวัดเชียงใหม่ เพราะเป็นการระบาดในพื้นที่ปิด และไม่ได้สะท้อนสถานการณ์ที่แท้จริง

ด้านพล.ต.วุฒิไชย อิศระ รองเจ้ากรมการแพทย์ทหารบก กล่าวว่า การควบคุมโรคในพื้นที่เรือนจำกลางเชียงใหม่ครั้งนี้ ภารกิจของทหารที่ได้รับการมอบหมายคือ สนับสนุนการทำงานในพื้นที่ที่มีขีดจำกัด ดูแลรักษาด้วยมาตรฐานเดียวกับประชาชน ซึ่งภายใต้ข้อจำกัดทั้งหมดถือว่า ทุกหน่วยงานที่เกี่ยวข้องที่ร่วมกันดำเนินการสามารถทำงานได้อย่างดี โดยผู้ต้องขังทุกคนต้องได้รับการตรวจหาเชื้อและภูมิคุ้มกันอย่างน้อย 2 ครั้ง หลังกักตัวครบทุก 14 วัน

ทั้งนี้ เมื่อครบ 28 วัน การดำเนินงานจะประสบผลตามเป้าหมายทำให้เรือนจำกลางเชียงใหม่ปลอดเชื้อโควิด และปลอดภัยสำหรับผู้ต้องขังทุกคน และไม่มีเชื้อเล็ดลอดแพร่สู่ภายนอก อย่างไรก็ตามมองว่า ไม่ใช่ประเด็นสำคัญ เพราะเป็นตัวเลขที่มีความเคลื่อนไหว แต่ประเด็นสำคัญยืนยันว่าทุกคนได้รับการดูแลอย่างดี และไม่มีเชื้อเล็ดลอดออกมา

พล.ต.ถนัดพล โกศัยเสวี รองแม่ทัพภาคที่ 3 กล่าวว่า การระบาดที่เกิดขึ้นในเรือนจำกลางเชียงใหม่ เกิดจากญาติที่ไปเยี่ยมผู้ต้องขังนำเชื้อเข้าไป กระทั่งเกิดการแพร่ระบาด แต่ยืนยันสามารถควบคุมสถานการณ์ไว้ได้

ด้านนายสุรศักดิ์ เผื่อนคำ ผู้บัญชาการเรือนจำกลางเชียงใหม่ ยืนยันขณะนี้ควบคุมสถานการณ์การแพร่ระบาดในเรือนจำกลางเชียงใหม่ได้แล้ว เรือนจำกลางเชียงใหม่เป็นเรือนจำความมั่นคงสูงสุด มีทั้งหมด 10 แดน เหตุเกิดจากแดนที่ 4 เป็นแดนแรกรับ มีการตรวจหาเชื้อและกักตัว โดยจะแยกขังผู้ต้องขังใหม่อย่างน้อย 14 วัน ระหว่างที่แยกขังนั้น มีการทำกิจกรรมในแดนอื่นทำให้เกิดการระบาด จากเหตุการณ์ในครั้งนี้ ต้องขอโทษทุกฝ่าย การกักตัวเพียง 14 วัน อาจจะไม่เพียงพอและอาจจะต้องตรวจหาเชื้อทุกวัน พร้อมกันนี้ยืนยันผู้ต้องขังที่ติดเชื้อทุกคนได้รับการดูแลอย่างดีด้วยมาตรฐานสาธารณสุข เช่นเดียวกับประชาชนทั่วไป