ใกล้ความจริงขึ้นมาทุกทีกับคดีหวย 30 ล้าน ประเด็นที่หลายคนให้ความสนใจ เพราะต้องการรู้ถึงเจ้าของตัวจริง ว่าคือร.ต.ท.จรูญ วิมูล หรือครูปรีชา ใคร่ครวญ ที่ต่างฝ่ายก็อ้างว่าตนเป็นเจ้าของลอตเตอรี่ หลังจากกองบัญชาการปราบปรามเข้ามาดูแลคดีดังกล่าว และทำการสืบสวนพยานทั้งสองฝ่าย รวบรวมหลักฐาน ซึ่งล่าสุด ครูปรีชา ก็โดนดำเนินคดีความทางอาญาไปแล้ว ยังเหลือแต่คดีแพ่ง ที่ต้องตัดสินใครจะเป็นเจ้าของเงิน 30 ล้าน
จากคดีหวยอลเวงนี้ ทำให้ประชาชนต่างสงสัย ว่าจริงๆแล้ว มันมีอยู่จริงมั้ย “ขบวนการตกหวย” เพราะมันไม่ได้มีแค่คดีหวย 30 ล้านนี้คดีแรก ยังมีคดีที่คล้ายกันนี้อยู่หลายคดี และทางกองปราบก็ยังทำการสืบสวนตามกันอยู่
ขบวนการตกหวย ไม่ได้ใช้ความโลภของเหยื่อ แต่เป็นการตัดความรำคาญของเหยื่อ และเหยื่อไม่รู้สึกผูกพันกับจำนวนเงินที่ได้มาเพราะเป็นเงินจากการเสี่ยงโชค โดยที่ ขบวนการตกหวยจะมีตัวละครหลัก 3 ตัว ได้แก่
1.คนแอบอ้างว่าถูกรางวัล ต้องเป็นคนที่มีความสัมพันธ์กับพ่อค้าแม่ค้าทั้งระดับเล็กและใหญ่ ต้องมีความสามารถในการพูดและเจราจาพอสมควร
2.พ่อค้า แม่ค้า ทำหน้าที่พยานซึ่งอาจมีหลายคน เพราะมีต้นขั่วสลากฯ
3.เจ้าหน้าที่รัฐ ทำหน้าที่เป็นตัวกลางในการเจรจา ไกล่เกลี่ย และอาจจะถึงขั้นข่มขู่เพื่อให้เหยื่อยอมแบ่งเงิน
ขบวนการตกหวย จะใช้วิธีแอบอ้างว่าหวยที่ถูกรางวัลเป็นของตัวเอง โดยมีพ่อค้าแม่ค้าเป็นพยาน และใช้การข่มขู่กดดันเหยื่อให้ยอมแบ่งเงินจำนวนหนึ่งโดยเจ้าหน้าที่รัฐ หรือ ผู้บังคับใช้กฏหมาย จนเหยื่อรู้สึกว่าไม่อยากให้เรื่องนี้ต้องถึงการดำเนินการในชั้นศาล จึงยอมแบ่งเงินให้ แม้รางวัลนั้นจะเป็นของตน ที่ขบวนการตกหวยทำได้สำเร็จ เพราะคนไทยไม่เชื่อมั่นในขบวนการยุติธรรมและกลัวจะสูญเสียเงินทั้งหมด
“คนไทยชอบตัดความรำคาญ ไม่อยากขึ้นโรงขึ้นศาล หากต้องขึ้นศาลแล้วแพ้จะทำยังไง เพราะทางนั้นยืนยันว่าเขามีคนรู้จัก มีพยาน เหยื่อมักจะคิดว่าแทนที่จะมีโชคก็กลับไปมีทุกข์ งั้น จบๆ ละกัน เอาไป 5-10 ล้านบาท”
ขบวนการตกหวยจะใช้พยานบุคคลในการต่อสู้ในชั้นศาล เมื่อทุกคนยืนกรานในลักษณะเดียวกันหมดโอกาสชนะย่อมมีสูง แม้จะไม่มีพยานทางนิติวิทยาศาสตร์ จึงกล้าเสี่ยงที่จะทำการตกหวย เพราะโอกาสติดคุกมีน้อยและโทษของการแจ้งความเท็จไม่รุนแรง
ตาม ป.อ.มาตรา 137 บัญญัติไว้ว่า “ผู้ใดแจ้งข้อความอันเป็นเท็จแก่เจ้าพนักงาน ซึ่งอาจทำให้ผู้อื่นหรือประชาชนเสียหาย ต้องระวางโทษจำคุกไม่เกินหกเดือน หรือปรับไม่เกินหนึ่งพันบาท หรือทั้งจำทั้งปรับ และก็มีความผิดตาม ป.อ. มาตรา 173 และ ป.อ.มาตรา 174 แม้ศาลยังไม่พิจารณาตัดสิน เราต้องมีความผิดฐานแจ้งความเท็จได้
ตัวบทกฎหมายอ้างอิง
ประมวลกฎหมายอาญา
มาตรา 137 ผู้ใดแจ้งข้อความอันเป็นเท็จแก่เจ้าพนักงาน ซึ่งอาจทำให้ผู้อื่นหรือประชาชนเสียหาย ต้องระวางโทษจำคุกไม่เกินหกเดือน หรือปรับไม่เกินหนึ่งพันบาท หรือทั้งจำทั้งปรับ
มาตรา 173 ผู้ใดรู้ว่ามิได้มีการกระทำความผิดเกิดขึ้น แจ้งข้อความแก่พนักงานสอบสวน หรือเจ้าพนักงานผู้มีอำนาจสืบสวนคดีอาญาว่า ได้มีการกระทำความผิด ต้องระวางโทษจำคุกไม่เกินสามปี และปรับไม่เกินหกพันบาท
มาตรา 174 ถ้าการแจ้งข้อความตามมาตรา 172 หรือมาตรา 173 เป็นการเพื่อจะแกล้งให้บุคคลใดต้องถูกบังคับตามวิธีการเพื่อความปลอดภัย ผู้กระทำต้องระวางโทษจำคุกไม่เกินสามปี และปรับไม่เกินหกพันบาท
ถ้าการแจ้งตามความในวรรคแรก เป็นการเพื่อจะแกล้งให้บุคคลใดต้องรับโทษหรือรับโทษหนักขึ้น ผู้กระทำต้องระวางโทษจำคุกไม่เกินห้าปี และปรับไม่เกินหนึ่งหมื่นบาท
เมื่อโทษนั้นไม่ได้รุนแรง จึงทำให้พวกขบวนการตกหวย มีความมั่นใจอุกอาจ กระทำการอย่างไม่กลัวเกรง อย่างที่ครูปรีชา แสดงจุดยืนมาตลอดและมั่นใจ ว่าจะขอสู้กันในชั้นศาล ถึงแม้ว่าตอนนี้จะแพ้ไปแล้วในทางศาอาญา แต่ในทางศาลแพ่ง ทางฝั่งครูปรีชา อาจจะมีการเตรียมการพร้อมถึงหลักฐานพยานมาอย่างดี โดยขบวนการนี้ต่างรู้การทำงาน ของกระบวนการกฎหมายและขั้นตอนในชั้นศาล เพราะกลุ่มคนที่จะทำขบวนการตกหวยได้ ต้องเป็นคนที่มีความเชี่ยวชาญและมีประสบการณ์ตรงเกี่ยวกับการฉ้อโกง