เกาะติดข่าวดาราก่อนใคร

กดติดตาม “ทีวีพูล”

banner

ศึกฟุตบอลพรีเมียร์ ลีก อังกฤษ นัดแดงเดือด ที่สนามโอลด์ แทร็ฟฟอร์ด เมื่อวันที่ 10 มี.ค. โชเซ มูรินโญ กุนซือใหญ่ทีมแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด รองจ่าฝูง ส่งอเล็กซิส ซานเชซ, โรเมลู ลูกากู 2 กองหน้าตัวหลักลงล่าตาข่าย แต่เกมนี้ไม่มี ปอล ป๊อกบา กองกลางค่าตัว 89 ล้านปอนด์ เนื่องจากมีอาการบาดเจ็บ

สำหรับ 11 ตัวจริง ประกอบด้วย ดาบิด เด เคอา, คริส สมอลลิ่ง, อันโตนิโอ วาเลนเซีย, แอชลีย์ ยัง, แม็กโทมิเนย์, เนมันยา มาติช, มาร์คัช แรชฟอร์ด, โรเมลู ลูกากู และ อเล็กซิส ซานเชซ,
ตัวสำรอง ประกอบด้วย วิกเตอร์ ลินเดอเลิฟ, เจสซี ลินการ์ด, ไมเคิล คาร์ริก, เซร์คิโอ โรเมโร, ลุก ชอว์, มารูยาน เฟลไลนีและ มัตเตโอ ดาร์เมียน

ด้านเจอร์เก้น คล็อปป์ กุนซือใหญ่ มีการปรับทัพเล็กน้อย แดนกลาง จอร์แดน เฮนเดอร์สัน กองกลางกัปตันทีมหลุดเป็นตัวสำรอง แต่ยังนำโดยโมฮาเหม็ด ซาลาห์ ปีกทีมหงส์แดงลิเวอร์พูล พร้อม ซาดิโอ มาเน และโรแบร์โต ฟีร์มิโน 3 แนวรุกอันตราย
ส่วนแนวรับ เฟอร์กิล ฟาน ไดจ์ เซ็นเตอร์ฮาล์ฟค่าตัวแพงที่สุดของโลก 75 ล้านปอนด์ลงเป็นตัวจริง หลังจากเป็นตัวสำรองในเกมเสมอปอร์โต 0-0 ศึกยูฟ่า แชมเปียนส์ลีก รอบ 16 ทีมสุดท้าย นัดสองเมื่อวันอังคารที่ผ่านมา

 

 

 

สำหรับ 11 ตัวจริง ของลิเวอร์พูล ประกอบด้วย ลอริส คาริอุส, เทรนต์ อเล็กซานเดอร์-อาร์โนลด์, เดยัน ลอฟเรน, เฟอร์กิล ฟาน ไดจ์, แอนดรูว์ โรเบิร์ตสัน, เอ็มเร ชาน, เจมส์ มิลเนอร์, อเล็กซ์-อ๊อกซ์เลด แชมเบอร์เลน, ซาดิโอ มาเน, โรแบร์โต ฟีร์มิโน และ โมฮาเหม็ด ซาลาห์
ส่วนสำรอง ประกอบด้วย ซิมง มิโญเลต์, จอร์จินิโอ ไวจ์นัลดุม, โจ โกเมซ, จอร์แดน เฮนเดอร์สัน, อดัม ลัลลานา โดมินิก โซลันเก และ โจเอล มาติป

 

 

เกมครึ่งแรก ลิเวอร์พูล ครองบอลบุกมากกว่า แต่แมนฯยูมีจังหวะจบคมกว่า
นาทีที่ 14 จังหวะเด เคอา เปิดบอลโด่งมาให้ลูกากูโหม่งชงต่อให้แรชฟอร์ดหลุดมาทางซ้าย ก่อนโยกหลบอาร์โนลด์ แล้วสับไกด้วยเท้าขวา บอลพุ่งเสียบตาข่าย ให้แมนฯยนำ 1-0
นาทีที่ 23 ลิเวอร์พูลมีโอกาสลุ้นตีเสมอ จากเตะมุมด้านซ้าย ฟานไดจ์ได้โขกที่เสาแรก บอลหลุดเขา
ถัดมานาที่เดียว แรชฟอร์ดซัดประตูที่สองของตัวเอง จากนอกเขตโทษ บอลเข้าตุงตาข่ายให้ทัพผีแดงทิ้งห่าง 2-0

 

 

นาทีที่ 30 ฟีร์มิโนยิงไกล บอลตรงตัวเด เคอา
จากนั้นนาทีที่ 38 แรชฟอร์ดตักบอลเข้าไปในเขตโทษ มาตากระโดดตีลังกายิงโล่งๆ บอลไม่ตรงกรอบ พลาดได้ประตูที่สาม
หงส์แดงพยายามหาช่องเข้าทำ แต่ไม่ได้ จบครึ่งแรก แมนฯยูนำ 2-0

เกมครึ่งหลัง ลิเวอร์พูลเป็นฝ่ายครองบอลบุกหนัก กดดันใส่แมนฯยู แต่ยังเจาะแนวรับของแมนฯยูไม่ได้
นาทีที่ 62 คล็อปป์ปรับแผน ส่ง อดัม ลัลลานา ลงแทน อ๊อกซ์เลด แชมเบอร์เลน นาทีที่ 63 มิลเนอร์ได้ยิงแต่ไม่ตรงกรอบ
กระทั่งนาทีที่ 66 หงส์แดงตีไข่แตกได้จากจังหวะที่มาเนกระชากบอลขึ้นมาทางซ้าย จนเกือบถึงเส้นหลัง ก่อนจะเปิดเข้ามาในเขตโทษ เอริก ไบญีสกัดผิดเหลี่ยม บอลเข้าประตูตัวเอง ขณะที่เด เคอา พยายามปัดแต่ไม่พ้น

 

ลิเวอร์พูลไล่มาเป็น 1-2

ขณะที่มูรินโญปรับแผนเช่นกัน ส่ง เฟลไลนีลงเล่นแทนแรชฟอร์ด
นาทีที่ 84 ลิเวอร์พูลเปลี่ยนอีกคน ส่งโดมินิก โซลันเกลงแทนโรเบิร์ตสัน หวังเน้นเกมบุกมากยิ่งขึ้น ขณะที่ แมนฯยูก็เปลี่ยนอีกคน ส่งเจสซี ลินการ์ด ลงแทนมาตา
ช่วงท้ายเกม ลิเวอร์พูลต่อบอลบุกหนัก ช่วงทดเวลา 6 นาที ซาลาห์มีโอกาสยิงในกรอบเขตโทษ แต่บอลข้ามคาน

จบเกม แมนฯยู เฉือนชนะลิเวอร์พูล 2-1 เก็บ 3 แต้มได้สำเร็จ ยังครองรองจ่าฝูง เตะ 30 นัด มี 65 แต้ม ส่วนลิเวอร์พูลยังอยู่ที่ 3 มี 60 แต้ม จากการลงเตะ 30 นัดเท่ากัน เหลืออีก 8 นัด

 

 

Cr. ข่าวสด