เมื่อปลายปี 2556 ที่ผ่านมา ทีวีพูลชนะการประมูลช่องทีวีดิจิตอลทั้งสิ้น 2 ช่อง โดย ทีวีพูล ประมูลช่องข่าว(ไทยทีวี)ไปด้วยราคา 1,328 ล้านบาท และช่องเด็ก(โลก้า)ราคา 648 ล้านบาท คิดเป็นเงินรวม 1,976 ล้านบาท โดยได้ชำระเงินงวดแรกไปแล้ว 365.50 ล้านบาท แต่ตั้งแต่งวดที่ 2 วงเงิน 288.46 ล้านบาทเป็นต้นไป
ต่อมานางพันธุ์ทิพา ศกุนต์ไชย ประธานกรรมการบริหาร บริษัท ไทยทีวีพูล จำกัด และ บริษัท ไทยทีวี จำกัด ได้ยื่นหนังสือถึงบอร์ด กสทช.เพื่อขอเลิกใบอนุญาตประกอบกิจการทีวีดิจิตอลทั้ง 2 เนื่องจาก กสทช.ดำเนินงานไม่เป็นไปตามสัญญาที่ระบุใว้ก่อนที่จะมีการประมูล
ส่วนการฟ้องร้องต่อศาลปกครองของไทยทีวีนั้น นอกจากการขอระงับการจ่ายเงินงวดค่าประมูลแล้ว ไทยทีวียังฟ้องร้องต่อศาลปกครองเรียกค่าเสียหายจาก กสทช.เกือบ 1,000 ล้านบาท ด้วยว่า ในฐานะที่ กสทช.กำกับดูแล ไม่ได้ดำเนินการกำกับหรือดูแลการเปลี่ยนผ่านการรับชมทีวีดิจิตอลให้เป็นไปตามกฎหมายและแผนแม่บทกิจการกระจายเสียง กิจการโทรทัศน์ ฉบับที่ 1 (2555-2559) แต่อย่างใด จนเป็นเหตุให้ประชาชนทั้งประเทศ ไม่สามารถรับชมทีวีดิจิตอลได้อย่างกว้างขวางและมีประสิทธิภาพ ซึ่งได้ก่อให้เกิดความเสียหายต่อการดำเนินการของผู้ประกอบการอย่างร้ายแรง และที่ผ่านมาได้มีหนังสือแจ้งไป กสทช.แล้ว แต่ กสทช.เพิกเฉยไม่แก้ไขหรือเยียวยาใดๆเพื่อให้เป็นไปตามสัญญา
ศาลปกครองกลาง นัดฟังคำพิพากษา คดีระหว่างบริษัท ไทยทีวี จำกัด ที่ได้ยื่นฟ้อง กสทช.ในวันที่ 13 มีนาคม 2561 เวลา 13.00 น. ณ ศาลปกครองกลาง ชั้น 3 ห้องพิจารณาคดี 5
ทั้งนี้นางพันธุ์ทิพา กล่าวกับทีมงานข่าวชาวบ้านว่าตนเองได้เรียกร้องกับทาง กสทช. 4 ข้อ
1.ขอเลิกสัญญา และคืนคลื่นความถี่ช่องไทยทีวีกับช่องโลก้า เพราะ กสทช.ผิดสัญญาและผิดคำมั่น
2.ขอหนังสือค้ำประกันทั้งสองช่อง จำนวน 1,750 ล้านบาท คืน
3.ขอเงินที่จ่ายไปแล้วงวดที่ 1 จำนวน 365 ล้านบาท คืน
4. ขอให้ กสทช. ชดใช้ค่าเสียหาย จำนวน 700 กว่าล้านบาท