เกาะติดข่าวดาราก่อนใคร

กดติดตาม “ทีวีพูล”

banner

สืบเนื่องจากกรณีที่ ทอยทอย-ธนภัทร ชนะกุลพิศาล นักแสดงซีรีส์ วัย 21 ปี ได้ใช้อาวุธมีดแทงแฟนสาว พิม ชัชสรัญ เสียชีวิตภายในบ้านพัก เมื่อช่วงกลางดึกวานนี้ โดยในเบื้องต้นเจ้าหน้าที่ตำรวจได้แจ้งข้อกล่าวหา ฆ่าผู้อื่นโดยเจตนา

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

เปิดประวัติ “ทอยทอย” พระเอกซีรีย์วายที่กำลังเป็นข่าวฆ่าแฟน!!

“ทอยทอย ธนภัทร” พบสื่อครั้งแรก หลังถูกคุมตัว ความคืบหน้าเตรียมหาหลักทรัพย์ประกันตัว

 

ล่าสุด (7 ส.ค.64) เมื่อเวลา 08.30 น. ที่ สน.คันนายาว พนักงานสอบสวนได้นำตัว นายธนภัทร ชนะกุลพิศาล หรือ ทอยทอย ลงมาจากห้องขังเพื่อสอบปากคำเพิ่มเติมก่อนจะนำตัวส่งศาลมีนบุรีในวันนี้ โดยมีทนายความรวมรับฟังการสอบปากคำด้วย

ซึ่งระหว่างที่มีการสอบปากคำ ทอย ทอย มีอาการเครียดและร้องไห้ออกมา จนญาติที่อยู่ในห้องสอบปากคำต้องปลอบใจ

จากนั้น เวลา 09.30น.ร.ต.ท.ปฏิญญา จิรันดอน รอง สว.(สอบสอบสวน)ได้ควบคุมตัวทอยทอยขึ้นรถไปส่งศาลมีนบุรี ผู้สื่อข่าวได้ถามว่ามีอะไรอยากจะพูดถึงเรื่องที่เกิดขึ้นหรือไม่ ทอยทอย ได้กล่าวมาด้วยสีหน้าที่เศร้าว่า “อยากขอโทษพิม และแม่เขา แต่ผมอยากไปขอโทษต่อหน้ามากกว่า”

ทั้งนี้ผู้สื่อข่าวถามต่อว่า มีโอกาสอยากจะไปขอขมาไหม เจ้าตัวตอบสั้นๆว่า “ไปแน่นอนครับ” 

ด้าน พ.ต.ท. วีระ งามเลิศ รองผู้กำกับสอบสวน เปิดเผยว่า ในเบื้องต้นวันนี้เจ้าหน้าที่ได้นำตัวมาสอบปากคำเพิ่มเติม ในการลงบันทึกถ้อยคำ โดยผู้ต้องหาให้การปฏิเสธทุกข้อกล่าวหาในชั้นพนักงานสอบสวนพร้อมกับอ้างว่าจะให้การในชั้นศาลเพียงเท่านั้น และท้ายคำร้องของการฝากขังพนักสอบสวนบันทึกข้อความคัดค้านการประกันตัวในชั้นพนักสอบสวน

ขณะที่ทีมงานของ นายนิติธร แก้วโต หรือ ทนายเจมส์ ทนายความของผู้ต้องหา ระบุว่าวันนี้ได้เตรียมหลักทรัพย์จำนวน 4 แสนบาท เพื่อยื่นขอประกันตัวที่ชั้นศาล และอยู่ระหว่างการรอศาลพิจารณาว่าจะอนุมัติให้ปล่อยตัวชั่วคราวหรือไม่

ขณะที่ พี่ชายผู้ต้องหา เปิดเผยว่า ตัวเอง กับผู้ต้องหา ไม่ได้เจอกันบ่อย เนื่องจากไม่ได้อาศัยอยู่บ้านหลังเดียวกัน และประกอบอาชีพแตกต่างกัน โดยตัวเองประกอบอาชีพด้านช่าง ส่วนผู้ต้องหาประกอบอาชีพในวงการบันเทิง ซึ่งที่ผ่านมา ทอยทอย มีอุปนิสัย ร่าเริง ไม่เคยมีเรื่องชกต่อยกับผู้อื่น ยอมรับตกใจกับเรื่องที่เกิดขึ้น และไม่คาดคิดว่า ทอยทอย จะก่อเหตุในลักษณะดังกล่าว ยืนยัน จากการพูดคุยกับผู้ต้องหา พบมีความเครียด และรู้สึกสำนึกผิด หลังผู้ต้องหาบอกกับตัวเองว่า “ผมทำผิดไปแล้ว”