เกาะติดข่าวดาราก่อนใคร

กดติดตาม “ทีวีพูล”

banner
เมื่อวันที่ 4 ต.ค.2564  นางจวง ศรพรม แม่ผู้เสียชีวิต พร้อมด้วย นายวิชิต ปาปิด หรือ ทัน เพื่อนผู้เสียชีวิต และ นางสุตัน กุคำใส แม่ของผู้ได้รับบาดเจ็บ ได้ให้สัมภาษณ์ในรายการ “ถกไม่เถียง” ทางช่อง 7HD ดำเนินรายการโดย ทิน โชคกมลกิจ ถึงเรื่องราวที่เกิดขึ้น
ข่าวอื่นๆเพิ่มเติม
 นางจวง ศรพรม อายุ 48 ปี มารดาผู้เสียชีวิต เปิดเผยว่า ตั้งใจจะเก็บศพลูกไว้ไม่เผา จนกว่าคดีจะคืบ ซึ่งตอนนี้คดียังไปไม่ถึงไหนเลย ยังจับคนร้ายไม่ได้ มีคนร้ายมามอบตัวเพียงแค่คนเดียว ทั้งที่คนก่อเหตุมี 4- 5 คน วันที่เกิดเหตุแม่อยู่บ้าน เพื่อนลูกมาบอกว่าลูกถูกฟันบาดเจ็บสาหัส มีการกู้ชีพ สุดท้ายลูกนอนรักษาตัวอยู่ รพ. 3 วัน แล้วเสียชีวิต พ่อของน้องไปแจ้งความร้องทุกข์ไว้แล้ว พอทราบว่าผู้ก่อเหตุคือนายริว เพราะเขาเคยมีปากเสียงกันมาก่อน แม่ก็รู้จักครอบครัวเขา แต่ตั้งแต่เกิดเหตุก็ไม่ได้พูดคุยอะไรกัน พ่อแม่ผู้ก่อเหตุไม่ได้มาพูดคุยเลย ผู้ก่อเหตุไปมอบตัวแล้วได้ประกันตัวไป แม่ก็ไม่ทราบเลย ไม่มีโอกาสได้คัดค้านการประกันตัว ลูกเรากำลังจะไปรับใช้ชาติเป็นทหารเกณฑ์ สังกัดกองทัพเรือในเดือนกุมภาพันธ์นี้ แม่ก็ไม่ได้เห็นใส่เครื่องแบบทหาร รับใช้ชาติ แม่ต้องการให้ตำรวจเร่งรัดคดี และตามจับผู้ก่อเหตุมาลงโทษตามกฎหมายให้ได้โดยเร็ว เพราะหลังจากแจ้งความ ก็ยังไม่มีความคืบหน้าทางคดี จึงแห่โลงศพประท้วงและขอความเป็นธรรม ทาง ตร.ก็มาบอกให้เอาศพลูกไปเผา เขาจะดำเนินคดีตามขั้นตอนให้ ส่วนเรื่องเอาบอนทาปากลูก มันเป็นความเชื่อที่เชื่อว่า ลูกจะทำให้คนร้ายเปิดปาก จับคนร้ายได้ ผู้ใหญ่ในบ้านเลยเอาบอนใส่ปากลูก ทั้งนี้แม่ตั้งข้อสงสัยว่าบ้านผู้ก่อเหตุอาจจะมีอิทธิพล มีญาติทำงานใน อบต.ด้วย
ทางด้านหมอปลา พูดถึงกรณีเอาบอนใส่ปากผู้เสียชีวิตว่า มันเป็นความเชื่อคนโบราณ มันได้ผลทางด้านจิตใจ แต่ที่เหนือกว่า ศักสิทธิ์กว่านั้น คือการร้องกับสื่อ หลายคดีที่สื่อไม่ช่วย เงียบเหมือนเป่าสาก เพราะอีกฝั่งหนึ่งเขาเอาเงินยัดปาก เราเอาบอนยัดปากจะสู้ได้อย่างไร อยากจะฝากถึงสื่อทุกช่อง ให้ช่วยตามเรื่องนี้ ถ้าไม่มีสื่อจับใครไม่ได้หรอก เพราะที่ผ่านมามันเป็นแบบนี้จริงๆ
ด้านนายวิชิต ปาปิด หรือ ทัน อายุ 20 ปี เพื่อนที่ได้รับบาดเจ็บ เล่าว่า ก่อนเกิดเหตุได้นั่งกินเหล้ากับผู้ตายและเพื่อนๆ รวม 11 คน พอดีเหล้าหมดจึงให้น้องที่กินเหล้าด้วยกันไปซื้อเหล้า เห็นว่าไปนานตนเองกับผู้ตายก็เลยขี่รถจักรยานยนต์ไปตาม พอมาถึงจุดเกิดเหตุคนร้ายได้นำไม้มาขวางถนน รถ จยย.ล้ม จากนั้นก็ถูกกลุ่มวัยรุ่นประมาณ 5 คน รุมทำร้าย มีทั้งมีด ไม้ท่อนและเหล็กแป๊บ ตีตนเองและผู้ตายก่อนหลบหนีไป จากนั้นตนเองได้สติจึงอุ้มเพื่อนที่สลบขี่รถ จยย.พาไปโรงพยาบาลโพธิ์ไทร เลือดไหลนองไปตามถนน ได้รับบาดเจ็บสาหัส มีบาดแผลถูกตีและฟันตามศีรษะและลำตัว ถูกนำส่งต่อไปที่โรงพยาบาลสรรพสิทธิประสงค์ และเสียชีวิตลงในวันที่ 29 ก.ย.ที่ผ่านมา ส่วนตนเองถูกตีและฟันที่บริเวณหน้าอก ลำคอและต้นคอ หมอเย็บ 9 เข็ม จากเหตุการณ์ดังกล่าวจำหน้าคนร้ายได้ 2 คน อีก 3 คนไม่รู้จัก นอกจากนี้คนร้ายยังมีการข่มขู่ด้วย วันที่อยู่รพ. เพื่อนมาบอกว่าอย่าออกไปไหน เพราะพวกผู้ก่อเหตุมาดักรอเต็มหน้า รพ. พอคืนที่ 2 กลุ่มนี้ก็ยกกันดักรอที่บ้าน แต่โชคดีที่ว่าเขาไม่รู้จักบ้านของตนเอง แล้วในกลุ่มไลน์ของพวกผู้ก่อเหตุก็มีการพูดคุยกันเรื่องนี้ด้วย
ทางรายการได้ติดต่อไปยังนายริว ผู้ก่อเหตุ แต่เจ้าตัวไม่ให้สัมภาษณ์ มอบหมายให้ ทนายภพ ทองวิจิตรชูตระกูล เป็นผู้ชี้แจง
ซึ่งทางทนายเผยว่า เท่าที่ทราบมาหลังวันเกิดเหตุ ผู้ก่อเหตุได้ไปมอบตัว ไม่ได้ถูกจับกุมอย่างที่ออกสื่อ น้องได้ให้การไปแล้วในวันที่ไปมอบตัว โดยน้องบอกว่า วันเกิดเหตุ มีบุคคลหลายคนเข้าไปรุมทำร้ายเขาในบริเวณบ้านที่มีเขากับพี่สาวอยู่อาศัย และมีการแจ้งความดำเนินคดีกลุ่มคนที่บุกรุกและทำร้ายร่างกายนายริวแล้ว โดยน้องเพียงแค่ป้องกันตัวเองจากบุคคลที่มาทำร้ายเขา ซึ่งมี 2 คนที่เข้ามาทำร้ายในบ้าน และมีอีกประมาณ 10 กว่าคนที่รออยู่นอกบ้าน และได้มีการแจ้งความดำเนินคดีแล้ว โดยพี่สาวของน้องริว แจ้งความวันที่ 27 ก.ย. ภายในบ้านที่เกิดเหตุไม่มีกล้องวงจรปิด แต่มีคราบเลือดบริเวณบ้าน สำหรับที่น้องผู้บาดเจ็บบอกว่ามีคราบเลือดบริเวณถนน ตนเองมองว่า ถ้าน้องเขาพาอีกคนไป รพ.ระหว่างรออยู่บนถนน ก็ต้องมีรอยเลือดบริเวณถนนอยู่แล้ว สำหรับน้องริวมีร่องรอยบาดเจ็บบริเวณกกหูด้านใน มีเลือดออกบริเวณกกหู มีใบรับรองแพทย์ยืนยัน ทั้งนี้ ทนายภพ เปิดเผยว่าจากข้อมูลที่เขาแจ้งมามันคนละทาง ก็ไม่อยากพูดอะไรมาก ต้องรับฟังในมุมของผู้เสียหายด้วย ส่วนเรื่องที่ทาง พนง.สอบสวน แจ้งว่า ผู้เสียหายกล่าวว่า มีการร่วมกันทำร้าย แต่ในข้อเท็จจริงคือ ลูกความของตนเองบอกว่าเป็นการป้องกันตัวเอง ก็ต้องยืนตามนั้น
ทั้งนี้ ทนายสงกาญ์ อัจฉริยะทรัพย์ กรรมการปฏิรูปประเทศด้านกระบวนการยุติธรรม พูดถึงเรื่องคดีนี้ว่า จากที่คุณแม่เล่ามา เรื่องนี้เห็นบอกว่าทางตำรวจไม่ได้มีการแจ้งมาว่าผู้ก่อเหตุได้ประกันตัว เพราะถ้าหากตำรวจมีการแจ้ง ผู้มีส่วนได้เสีย คือพ่อแม่ของผู้เสียชีวิตสามารถคัดค้านการประกันตัวของผู้ก่อเหตุได้ ส่วนเรื่องที่มีการนำวัตถุมาวางขวางถนนหวังทำร้ายฝั่งผู้ตายถือว่ามีการวางแผนมาก่อน และดูจากลักษณะบาดแผลของผู้บาดเจ็บ และผู้เสียชีวิต เชื่อว่าเจตนาให้ถึงตาย
พล.ต.ต.สถาพร  เอมโอษฐ์ ผู้บังคับการตํารวจภูธรจังหวัดอุบลราชธานี เผยถึงความคืบหน้าของคดีว่า ตำรวจไม่ได้นิ่งนอนใจ ได้เร่งรวบรวมพยานหลักฐานให้มากที่สุด เบื้องต้นเจ้าหน้าที่ตำรวจดำเนินคดีกับผู้ก่อเหตุแล้ว 1 คน แจ้งข้อหาทำร้ายร่างกายจนถึงแก่ความตาย และผู้ต้องหาได้รับการประกันตัวในชั้นศาล ส่วนที่เหลือกำลังรวบรวมพยานหลักฐานเพื่อจับกุมเพิ่มเติมเพื่อติดตามผู้ก่อเหตุมาดำเนินคดีตามกฎหมาย โดยจะเร่งรัดให้เร็วที่สุดภายในสัปดาห์นี้
ซึ่งตำรวจจะให้ความเป็นธรรมกับทั้งสองฝ่าย ไม่ต้องกลัวว่าจะมีเรื่องอิทธิพล ใครทำผิดก็ต้องได้รับโทษ ส่วนเรื่องกรณีข่มขู่ จะมีการมอบหมายให้ตำรวจโพธิ์ไทรเข้าไปตรวจสอบข้อเท็จจริง
ขอบคุณภาพข่าวจากรายการ ถกไม่เถียง