เกาะติดข่าวดาราก่อนใคร

กดติดตาม “ทีวีพูล”

banner

    จากกรณีที่ครูสาวใน จ.สระแก้ว ได้โพสต์ภาพเอกสารคำสั่งโรงเรียนเรื่องการแต่งตั้งและมอบหมายการปฏิบัติหน้าที่ราชการของบุคลากรในภาคเรียนที่ 2/2564 ของโรงเรียนแห่งหนึ่งใน อ.วังน้ำเย็น โดยเป็นการแต่งตั้งหัวหน้ากลุ่มบริหารงานบุคคล, หัวหน้ากลุ่มบริหารงานวิชาการ, หัวหน้ากลุ่มบริหารงานงบประมาณ, และหัวหน้ากลุ่มบริหารงานทั่วไปให้กับเธอซึ่งเป็นข้าราชการในโรงเรียนเพียงคน พร้อมระบุรายละเอียดว่าผู้ได้รับการแต่งตั้งจะต้องเซ็นรับรองเอกสารทั้งหมด จนทำให้ครูสาวรายนี้ต้องระบุข้อความในโพสต์ดังกล่าวว่า “ เธอกำลังเอาขาข้างหนึ่งเข้าไปในคุก” ซึ่งภายหลังโพสต์ดังกล่าวถูกเผยแพร่ในโลกสังคมออนไลน์ปรากฏว่าได้มีการแชร์ต่อและเกิดกระแสวิพากษ์วิจารณ์อย่างหนักถึงการทำงานของหน่วยงานด้านการศึกษาของไทยและต้นสังกัดที่ดูเหมือนไร้ความรับผิดชอบนั้น

วันที่ 15 พ.ย.  ผู้สื่อข่าวได้เดินทางไปยังโรงเรียนดังกล่าวเพื่อพบกับ น.ส.พรพิมล (ขอสงวนนามสกุล) ตำแหน่งครูผู้ช่วย โครงการครูคืนถิ่นและเพิ่งได้รับการบรรจุให้เป็นข้าราชการครูได้เพียง 1 ปี และปัจจุบันยังต้องรักษาราชการในตำแหน่งผู้อำนวยการโรงเรียนและทุกตำแหน่งในโรงเรียน เพื่อสอบถามข้อเท็จจริง   น.ส.พรพิมล ได้เปิดเผยว่าปัจจุบันโรงเรียนแห่งนี้เหลือครูผู้สอนอยู่เพียง 2 คน คือตนเองและครูธุรการอีก 1 คนและมีนักเรียนที่อยู่ในการดูแลทั้งสิ้น 40 คน ซึ่งเดิมที่เดียวโรงเรียนแห่งนี้มีครูจำนวน 5 คนรวมทั้งผู้อำนวยการโรงเรียน แต่ในช่วงที่ผ่านมาผู้อำนวยการโรงเรียน ได้มีการขอย้ายกลับภูมิลำเนาไปพร้อมกับครูผู้สอนอีก 1 คนทำให้เธอต้องรักษาการในตำแหน่งผู้อำนวยการแทนเนื่องจากได้รับการบรรจุให้เป็นข้าราชการเพียงคนเดียว

โดยมี นายกล่ำ หาโกสีห์ ผู้อำนวยการโรงเรียนอนุบาลวังน้ำเย็นมิตรภาพที่ 179 ในฐานะผู้อำนวยการโรงเรียนกลุ่มเครือข่าย ช่วยดูแลและให้คำปรึกษา น.ส.พรพิมล ยังบอกอีกว่าหลังเกิดกระแสวิพากษ์วิจารณ์ในโลกสังคมออนไลน์ ทำให้ครูที่เหลืออีก 1 คนประกาศลาออกจากอาชีพข้าราชการครู เพราะแบกรับภาระไม่ไหวจนทำให้ทั้งโรงเรียนเหลือเพียงตนเองและครูธุรการที่ทำหน้าที่ช่วยสอนวิชาอื่นๆ ซึ่งตนเองจะทำหน้าที่สอนภาษาไทย เป็นหลักเพราะจบเอกภาษาไทยโดยตรง และในช่วงที่่เพิ่งเปิดการเรียนการสอนได้ 1 สัปดาห์ ตนเองได้ขอความช่วยเหลือไปยังครูที่เกษียณอายุราชการเมื่อเดือน ก.ย.ให้กลับมาช่วยสอนหนังสือให้กับเด็กๆ ในระดับ ป.5 และ ป.6

“ ตอนนี้ยังไม่สามารถที่จะทิ้งเด็ก ป.1และ ป.2 ได้ทำให้บางครั้งก็รู้สึกท้อ แต่อย่างว่าโรงเรียนประถมฯ ครูจะต้องสอนได้ทุกวิชา ส่วนสาเหตุที่ต้องโพสต์เรื่องราวลงในโลกสังคมออนไลน์ เพราะไม่อยากทำตามคำสั่งตามหนังสือราชการที่ให้ตำแหน่งหัวหน้าถึง 4 ฝ่ายพร้อมกัน และเข้าใจว่าอยู่ในช่วงรอยต่อที่เขตพื้นที่การศึกษาจะจัดสรรคนมาช่วย และเมื่อทราบว่า สพป.หรือสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาเขต 1 ได้เพิ่มอัตรากำลังคนมาให้ถึง 4 อัตราแล้วก็รู้สึกดีใจ” น.ส.พรพิมล ยืนยันว่าไม่มีเจตนาที่จะต่อว่าหน่วยงานต้นสังกัดและยืนยันว่าเป็นความรู้เท่าไม่ถึงการณ์ เนื่องจากสิ่งที่โพสต์ลงในโลกสังคมออนไลน์เพราะต้องการสะท้อนให้เห็นปัญหาว่าโรงเรียนขนาดเล็กหลายแห่งก็เจอปัญหาเช่นเดียวกัน

อย่างไรก็ดีผู้สื่อข่าวรายงานบรรยากาศภายในโรงเรียนแห่งนี้ว่า ทางโรงเรียนยังคงจัดการเรียนการสอนให้นักเรียนตั้งแต่ชั้นอนุบาล 1- ป.6 ตามปกติ ซึ่งตลอดทั้งวันมีทีมผู้บริหารจากโรงเรียนกลุ่มเครือข่าย เดินทางเข้าให้กำลังใจ น.ส.พรพิมล และครูภายในโรงเรียนอย่างต่อเนื่อง พร้อมรับปากว่าจะช่วยกันหาทางแก้ไขปัญหาเพื่อแบ่งเบาภาระของครูที่เหลือหลังเปิดการเรียนการสอนแบบ On Site ได้เพียง 1 สัปดาห์

ข่าวที่เกี่ยวข้อง