คณะรัฐมนตรี มีมติรับทราบและอนุมัติตามผลการพิจารณาของคณะกรรมการกลั่นกรองการใช้จ่ายเงินกู้ ภายใต้พระราชกำหนดให้อำนาจกระทรวงการคลังกู้เงินเพื่อแก้ไขปัญหาเศรษฐกิจและสังคม จากการระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 เพิ่มเติม พ.ศ. 2564 โดยเห็นชอบโครงการ ดังนี้
ข่าวที่น่าสนใจ
-
“แอฟ ทักษอร” ถึงกับต้องเข้าไปคอมเมนต์ “ผู้พันเบิร์ด” กลางไอจี
-
ตกใจ แม่นาย!! นางสาวเบลล่า ติดเชื้อโควิด-19 แจ้งผลเป็นแบบนี้!?
– โครงการเพิ่มกำลังซื้อให้แก่ผู้มีบัตรสวัสดิการแห่งรัฐ ระยะที่ 4
– โครงการเพิ่มกำลังซื้อให้แก่ผู้ที่ต้องการความช่วยเหลือเป็นพิเศษ ระยะที่ 2
– โครงการคนละครึ่ง ระยะที่ 4โดยโครงการเพิ่มกำลังซื้อให้แก่ผู้มีบัตรสวัสดิการแห่งรัฐ ระยะที่ 4
โดยจะช่วยเหลือวงเงินค่าซื้อสินค้าจากร้านธงฟ้าราคาประหยัดพัฒนาเศรษฐกิจท้องถิ่น (ร้านธงฟ้าฯ) และค่าซื้อสินค้าหรือค่าบริการจากร้านค้าหรือผู้ให้บริการที่เข้าร่วมโครงการคนละครึ่ง ระยะที่ 4 จำนวนไม่เกิน 200 บาทต่อคนต่อเดือน เป็นระยะเวลา 3 เดือน ตั้งแต่วันที่ 1 กุมภาพันธ์ – 30 เมษายน 2565 นั้น
ล่าสุด กรมบัญชีกลาง ได้โอนเงินให้กับผู้ถือบัตรสวัสดิการแห่งรัฐ บัตรคนจน ไปเมื่อวันที่ 1 กุมภาพันธ์ 2565 ซึ่งเป็นผู้ถือบัตรรายเก่าที่มีการลงทะเบียนไว้แล้ว ดังนี้
วันที่ 1 กุมภาพันธ์ 2565
– วงเงินซื้อสินค้า กลุ่มที่มีรายได้ไม่เกิน 30,000 บาท ได้รับ 300 บาท/เดือน และ ได้รับเพิ่มอีก 200 บาท รวมทั้งสิ้น 500 บาท
– กลุ่มที่มีรายได้เกิน 30,000 บาท ได้รับ 200 บาท/เดือน และ ได้รับเพิ่มอีก 200 บาท รวมทั้งสิ้น 400 บาท
– ส่วนลดค่าก๊าซหุงต้ม 45 บาทต่อ 3 เดือน
– ค่าใช้จ่ายในการเดินทาง ประกอบด้วย
– ค่าโดยสารรถ บขส. 500 บาทต่อเดือน
– ค่าโดยสารรถไฟ 500 บาทต่อเดือน
– ค่าโดยสารรถไฟฟ้า ขสมก./ MRT/ BTS และ ARL 500 บาทต่อเดือน (สำหรับผู้ถือบัตรสวัสดิการแห่งรัฐที่อาศัยอยู่ในเขต กทม. และปริมณฑล)
วันที่ 18 กุมภาพันธ์ 2565 (สามารถกดเป็นเงินสดได้ และสะสมในเดือนถัดไปได้)
– เงินคืนค่าไฟฟ้าไม่เกิน 315 บาทต่อครัวเรือนต่อเดือน (สำหรับผู้ถือบัตรฯ ที่ใช้ไฟฟ้าไม่เกิน 315 บาทต่อเดือน)
– เงินคืนค่าน้ำประปา 100 บาทต่อครัวเรือนต่อเดือน (สำหรับผู้ถือบัตรฯ ที่ใช้น้ำประปาไม่เกิน 315 บาทต่อเดือน จะได้รับเงินคืนค่าน้ำประปาไม่เกิน 100 บาท ส่วนที่เกินจาก 100 บาท ผู้ถือบัตรฯ เป็นผู้ชำระเอง)
วันที่ 22 กุมภาพันธ์ 2565 (สามารถกดเป็นเงินสดได้ และสะสมในเดือนถัดไปได้)
– บัตรประจำตัวคนพิการ ได้รับเบี้ยความพิการ (บัญชีธนาคาร/อปท.) จำนวน 800 บาท
– เบี้ยความพิการ 200 บาทต่อเดือน โอนเข้าบัตรสวัสดิการแห่งรัฐ ถึงเดือนกันยายน 2565 จาก รวมเป็นเงิน 1,000 บาท
– เบี้ยความพิการโครงการเราชนะ สำหรับผู้ไม่มีสมาร์ทโฟน ผ่านบัตรประชาชน เช่นผู้ป่วยติดเตียง พิการ ผู้ป่วยสูงอายุ จำนวน 200 บาท (เป็นระยเวลา 3 เดือน เริ่มเดือนก.พ.-เม.ย.)