เกาะติดข่าวดาราก่อนใคร

กดติดตาม “ทีวีพูล”

banner

ถือเป็นประเด็นที่หนังสือพิมพ์หลายฉบับลงข่าวเรื่องนี้ และทำเอาบรรดาเกษตรกรต่างร้อนๆ หนาวๆ ที่ต้องควักเงินเพิ่ม เมื่อกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม เตรียมจัดเก็บค่าใช้น้ำจากแหล่งน้ำ

นายวรศาสน์ อภัยพงษ์ อธิบดีกรมทรัพยากรน้ำ เปิดเผยถึงการจัดทำร่างพระราชบัญญัติ (พ.ร.บ.) ทรัพยากรน้ำ โดยจะเรียกเก็บค่าใช้น้ำจากน้ำสาธารณะ แม่น้ำ ลำคลองบึง แหล่งน้ำใต้ดิน ทะเลสาบ และแหล่งน้ำตามธรรมชาติอื่น ๆ ได้แก่

ประเภทที่ 1 ใช้น้ำเพื่อการดำรงชีพ ไม่ต้องเสียค่าใช้น้ำ

ประเภทที่ 2 ใช้น้ำด้านการเกษตรเลี้ยงสัตว์เพื่อการพาณิชย์ เก็บค่าน้ำไม่เกิน 50 สตางค์ต่อ ลบ.ม. 

ด้านการท่องเที่ยว โรงแรม สถานที่พักผ่อน ร้านอาหาร เก็บค่าน้ำ 1-3 บาทต่อ ลบ.ม. 

และ ธุรกิจสนามกอล์ฟ การผลิตพลังงานไฟฟ้า การประปาสัมปทานเก็บค่าน้ำไม่เกิน 3 บาทต่อ ลบ.ม.

ประเภทที่ 3 สำหรับภาคการเกษตรและอุตสาหกรรมขนาดใหญ่ การผลิตพลังงานไฟฟ้าขนาดใหญ่ และกิจการอื่น ๆ ที่ใช้น้ำในปริมาณมากตามมติของ กนช. เก็บค่าน้ำไม่ต่ำกว่า 3 บาทต่อ ลบ.ม.

คาดว่าในช่วงเดือนตุลาคม ถึงพฤศจิกายน 2560 ร่าง พ.ร.บ.ทรัพยากน้ำดังกล่าวจะมีผลบังคับใช้ จากนั้นภายใน 180 วัน จะมีการออกกฎหมายลูกที่เกี่ยวข้อง

โดยหน่วยงานที่รับผิดชอบ พ.ร.บ.ทรัพยากรน้ำ จะอยู่ภายใต้คณะกรรมการทรัพยากรน้ำแห่งชาติ (กนช.) ซึ่งมีนายกรัฐมนตรีเป็นประธาน

สำหรับเหตุผลที่รัฐบาลต้องเรียกเก็บค่าใช้น้ำ เพราะปัจจุบันประเทศไทยเข้าสู่ความเสี่ยงเรื่องทรัพยากรน้ำรัฐบาลจึงต้องมีกลไกการบริหารจัดการทรัพยากรน้ำที่มีประสิทธิภาพ

การจัดสรรน้ำจึงเป็นอีกหนึ่งหัวใจสำคัญในการบริหารจัดการน้ำให้เพียงพอ ซึ่งระบบการจัดสรรน้ำจะสร้างสิทธิในการเข้าถึงน้ำสาธารณะ ทั้งที่รัฐจัดสร้าง หรือพัฒนาขึ้นเพื่อให้ใช้ประโยชน์ร่วมกันอย่างเป็นธรรม 

หากพิจารณาจากผู้ที่ได้รับผลกระทบ จะพบว่า ภาระหนักจะตกไปอยู่กับเกษตรกร โดยเฉพาะชาวนา คราวนี้ที่มีพื้นที่ปลูกข้าวเฉพาะปี 2559/60 รอบที่ 1 ไปแล้วทั้งสิ้น 56.30 ล้านไร่

ที่มา – ผู้จัดการ