เกาะติดข่าวดาราก่อนใคร

กดติดตาม “ทีวีพูล”

banner

กรณีผู้ใช้เฟซบุ๊กราหนึ่งซึ่งเป็นช่างภาพ โพสต์ข้อความหลังไปทำงานร่วมกับทีมงานรวม 3 คน ได้แก่ ช่างภาพ 2 คน และออร์แกไนซ์ 1 คน ภายในงานแต่งของคู่บ่าวสาว แต่กลับเกิดเหตุไม่คาดคิด เงินสินสอดมูลค่า 1 ล้านบาท ได้หายไปอย่างปริศนา ทำให้ญาติ ๆ เจ้าของงานสงสัยว่าทั้ง 3 คน เป็นผู้ต้องสงสัยขโมยเงินค่าสินสอดดังกล่าวไป

ข่าวที่น่าสนใจ

ตำนานมาแล้ว! “ลุงพล” โผล่แนะตำรวจคดีแตงโมให้ทำแบบนี้…? ลั่น! ขออย่าจับแพะ…

งานเข้าอีกแล้ว ! “แม่น้องชมพู่” เรียกค่าสินไหมลุงพล กว่า…บาท !?

หลังจากนั้น ทั้ง 3 คน จึงแสดงความบริสุทธิ์ใจ เข้าไปให้ปากคำต่อเจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.ทรงธรรม จ.กำแพงเพชร เรียบร้อยตั้งแต่วันที่เกิดเหตุแล้ว แต่ก็ยังถูกแม่เจ้าสาวต่อว่าอย่างรุนแรง จึงตัดสินใจออกมาโพสต์เตือนเพื่อน ๆ อาชีพเดียวกัน หากรับถ่ายภาพงานแต่ง ควรจะมีหลักฐานยืนยัน และบันทึกไทม์ไลน์ไว้ด้วย เพื่อป้องกันไม่ให้เกิดเหตุการณ์คล้ายกับดังกล่าว

ล่าสุด ที่กองบังคับการตำรวจภูธรจังหวัดกำแพงเพชร พ.ต.อ.เอนก จันทร์ศร รอง ผบก.ภ.จว.กำแพงเพชร เปิดเผยว่า จากกรณีเงินสินสอดจำนวน 1 ล้านบาทหายไป เจ้าหน้าที่ตำรวจได้ทำการสืบสวนสอบสวนแล้ว

โดยแนวทางสืบสวนขณะนี้เจ้าหน้าที่ตำรวจได้พยานวัตถุที่ช่างภาพถ่ายไว้เป็นจำนวนมาก สามารถไล่ไทม์ไลน์ได้ว่าใครทำอะไรตรงไหนที่จุดใดได้อย่างชัดเจน และได้ตรวจสอบโทรศัพท์ของเจ้าบ่าวเจ้าสาว ซึ่งได้ตรวจสอบข้อมูลเรียบร้อยแล้ว
โดยหลังจากที่พ่อแม่เจ้าสาวรับสินสอดทองมั่นแล้ว อาจจะไม่ได้มีการนับ เพราะมีเขียนไว้ที่พลาสติกหุ้มด้านนอกว่า 1 ล้าน จึงเอาไปเก็บไว้ในห้องและใส่กุญแจไว้ ส่วนคนที่ถือกุญแจห้อง ซึ่งสามารถเข้าห้องที่เก็บเงินได้มีเพียง 2 คน คือ เจ้าบ่าวและเจ้าสาว โดยเจ้าหน้าที่ตำรวจได้ติดต่อให้คู่บ่าวสาว เดินทางมาให้ปากคำกับเจ้าหน้าที่ตำรวจต่อไป
พ.ต.อ.เอนก กล่าวอีกว่า คดีนี้ไม่ซับซ้อน เพราะมีพยานหลักฐานชัดเจน และที่เกิดเหตุเป็นบ้านอดีตกำนัน ซึ่งมีหน้ามีตา เป็นที่เคารพนับถือของคนในหมู่บ้าน และแขกที่มาร่วมงานส่วนใหญ่คือแขกของฝั่งเจ้าสาว คงไม่มีใครกล้าเข้าไปขโมยเงิน 1 ล้านบาท ขณะนี้รอเพียงคู่บ่าวสาวเข้ามาให้ปากคำเท่านั้น

ล่าสุด วันนี้  ที่ สภ.ทรงธรรม อ.เมืองกำแพงเพชร พ.ต.อ.เอนก จันทร์ศร รองผู้บังคับการภูธรจังหวัดกำแพงเพชรเผยว่า เบื้องต้นเจ้าบ่าวที่เป็นทอมได้ให้การรับสารภาพว่าเช่าเงิน 1 ล้านบาท มาในราคา 4 หมื่นบาทที่บริษัทในกรุงเทพฯ โดยทางพ่อแม่เจ้าสาวไม่รู้เลยว่าเป็นการเช่ามาและเจ้าสาวก็ไม่รู้เรื่อง ถึงแม้เจ้าสาวจะร่วมด้วยกฎหมายก็ไม่เอาผิดอยู่ดีเพราะทางพ่อแม่เจ้าสาวได้เข้ามาให้ปากคำและยืนยันว่าไม่เอาเรื่อง ซึ่งเจ้าบ่าวให้การรับสารภาพว่าเป็นคนเอาไปเอง ตอนเช่ามาก็มีคนคุมเงินมาด้วย เจ้าบ่าวเป็นผู้รู้เรื่องอยู่คนเดียว วันนี้เจ้าหน้าที่เตรียมแจ้งข้อกล่าวหาเจ้าบ่าวลักทรัพย์ในเคหะสถานในเวลากลางวัน