ผู้สื่อข่าวได้เดินทางไปที่ วัดแพรกษา อ.เมือง จ.สมุทรปราการ เพื่อพบกับ น.ส.วราลี เสริมจันทร์ อายุ 34 ปี พนักงานบริษัทเอกชนแห่งหนึ่ง ซึ่งเป็น คุณแม่ของน้องนาวา หรือ ด.ช.จตุภัทร วรศาสตร์ อายุ 10 เดือน ที่เสียชีวิตแบบปริศนาคาเนอสเซอรี่ แห่งหนึ่งภายในหมู่บ้านสวัสดี ตำบลแพรกษา อำเภอเมือง จังหวัดสมุทรปราการ หลังจากได้นำไปฝากเลี้ยงไว้ได้เพียง 6 วัน
น.ส.วราลี กล่าวทั้งน้ำตาว่า วันเกิดเหตุคือวันที่ 25 เม.ย. 2651 เวลา 13.25 น. ขณะที่ตนเองทำงานในบริษัทเอกชนแห่งหนึ่งย่านพระราม 2 ตนได้รับโทรศัพท์จากพี่เลี้ยงของเนอสเซอรี่ว่าให้รีบกลับมาหาน้องนาวาโดยด่วนแต่ไม่ยอมบอกเหตุผลว่า เกิดอะไรขึ้นจนกระทั่งตนเองเค้นถามปลายสายโทรศัพท์ จึงแจ้งว่าน้องนาวาไม่มีลมหายใจแล้ว และไม่สามารถบอกอะไรมากไปกว่านี้ ได้ขอให้รีบเดินทางมาดูน้องนาวาตนเอง หลังจากทราบก็ถึงกับใจแตกสลายคาสายโทรศัพท์ และไม่คาดฝันว่าเสียงที่ได้ยินว่าน้องนาวาไม่หายใจ จะเป็นความจริง หลังจากตั้งสติได้จึงรีบโทรศัพท์ไปหาสามี ให้รีบเดินทางไปดูน้องนาวาเนื่องจากอยู่ใกล้ และตนเองจึงรีบลางานแล้วเดินทางมาดูน้องเช่นกัน
เมื่อมาถึงโรงเรียน ทางครูพี่เลี้ยงบอกกับตนเอง ว่า เห็นลูกชายนอนมีผ้าปิดหน้าอยู่ ทางครูพี่เลี้ยง จึงหยิบผ้าออกจากหน้า แต่ลูกชายตนเองกลับร้องไห้ ทางครูจึงนำผ้าปิดหน้าไว้เหมือนเดิม ซึ่งข้อนี้ตนเองตนสงสัยว่า ทำไมครูพี่เลี้ยง ไม่มีความเฉลียวใจ ที่เห็นเด็กนอนท่าเดิมเป็นเวลานาน
และเมื่อตนเองสอบถามชาวบ้าน ที่อยู่ใกล้กับโรงเรียน ทราบว่า ทางโรงเรียน ได้ตามผู้ปกครองของเด็กคนอื่นมารับลูกหลานกลับบ้านตั้งแต่เวลา 11.00 น.ของวันเดียวกัน จึงทำให้ตนเอง และ สามี ติดใจว่า ทำไมทางโรงเรียนไม่รีบนำลูกชายส่งโรงพยาบาล แล้วรีบโทรศัพท์แจ้งตนเอง
แต่กลับมีเวลาเรียกผู้ปกครองคนอื่นมารับลูกหลานกลับบ้านแล้วค่อยแจ้งตนเอง ซึ่งตนเองมองว่า ทางโรงเรียนมีพิรุธ จึงขอเรียกร้องขอความเป็นธรรมให้ลูกชายของตน และ จะดำเนินการต่อสู้ให้ถึงที่สุด และ หากย้อนเวลากลับไปได้ตนเองจะยอมลาออกจากงานเพื่อเลี้ยงลูกด้วยตนเอง เพราะ ไม่มีใครรักลูกเราเท่ากับที่เรารัก
เบื้องต้น มีรายงานว่า ขณะนี้พนักงานสอบสวน ได้แจ้งข้อหาเบื้องต้นต่อเจ้าของเนอสเซอรี่ และ พี่เลี้ยงแล้วในข้อหา “กระทำการโดยประมาทเป็นเหตุ ทำให้ผู้อื่นถึงแก่ความตาย” และ หากพบว่าผลการชันสูตรจากนิติเวชร ออกมาระบุว่า การเสียชีวิตเกิดจากการกระทำให้ตายนั้น ก็จะแจ้งข้อหาพี่เลี้ยง และ เจ้าของเนอสเซอรี่ ในข้อหา “ฆ่าผู้อื่นตาย” โดยเจตนา
ส่วนทางบ้านที่ถูกดัดแปลงเป็นเนอสเซอรี่นั้น พบว่าหยุดประกอบกิจการ และ มีการนำป้ายออกไปแล้ว