เกาะติดข่าวดาราก่อนใคร

กดติดตาม “ทีวีพูล”

banner

น.ส.ไตรศุลี ไตรสรณกุล รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าวว่า ที่ประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) ได้เห็นชอบร่างบันทึกความเข้าใจ ระหว่างกระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคมแห่งราชอาณาจักรไทยและกระทรวงการไปรษณีย์และโทรคมนาคมแห่งราชอาณาจักรกัมพูชา ว่าด้วยความร่วมมือด้านการปราบปรามแก๊งคอลเซ็นเตอร์ และไฮบริด สแกม เพื่อกำหนดกรอบความร่วมมือให้เจ้าหน้าที่ทั้ง 2 ประเทศ สามารถใช้มาตรการที่เหมาะสมและสอดคล้องกับกฎหมายภายในของทั้ง 2 ประเทศ แลกเปลี่ยนข้อมูลการปราบปรามผู้กระทำผิด ตลอดจนการตั้งคณะทำงานร่วมเพื่อผลักดันมาตรการต่างๆ ร่วมกัน เน้นย้ำ นโยบายที่รัฐบาลถือว่าเรื่องนี้เป็นประเด็นเร่งด่วน เนื่องจากมีประชาชนชาวไทยได้รับผลกระทบและเสียหายจากการก่ออาชญากรรมทางไซเบอร์เป็นจำนวนมาก

โดยสาระสำคัญ 1.การแลกเปลี่ยนองค์ความรู้ ความเชี่ยวชาญเชิงเทคนิค และแนวปฏิบัติที่เป็นเลิศในการปราบปรามแก๊งคอลเซ็นเตอร์ และไฮบริด สแกม และการส่งผ่านข้อมูลข้ามพรมแดน

2.แต่งตั้งผู้ประสานงานเพื่ออำนวยความสะดวกในการสืบหาหลักฐานในไทย และกัมพูชา ขยายการสืบสวนเพื่อให้ได้ตัวผู้กระทำความผิด ซึ่งอาจจะรวมถึงข้อมูลที่อยู่ผู้ใช้บริการการสื่อสารทางเสียงผ่านอินเตอร์เน็ต และบันทึกการใช้โทรศัพท์ของผู้กระทำความผิดระหว่างก่ออาชญากรรมทั้ง 2 ประเทศ

3.ประสานงานและอำนวยความสะดวกในกระบวนการส่งผู้ร้ายข้ามแดน เป็นต้น โดยบันทึกความเข้าใจนี้จะมีผลบังคับเป็นเวลา 3 ปีนับแต่วันลงนาม และอาจขยายได้อีก 3 ปี

ทั้งนี้ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและ รมว. กลาโหม แถลงภายหลังประชุม ครม.ด้วยว่าวันนี้ ครม.เห็นชอบให้กระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม (ดีอีเอส) ร่วมมือกับประเทศกัมพูชาปราบปรามแก๊งคอลเซ็นเตอร์ และการหลอกลวงในรูปแบบต่างๆ ที่สามารถสร้างความเสียหายให้กับประชาชนได้เป็นจำนวนมาก

“ขอเตือนไว้ก่อนให้ทุกคนระมัดระวังหากเบอร์โทรศัพท์ที่ไม่คุ้นเคยก็ไม่จำเป็นต้องไปรับ เพราะจะถูกแอบอ้าง ถ้าเรามีภูมิคุ้มตรงนี้จะดีกว่า หรือบันทึกเบอร์คนที่เรารู้จักเอาไว้ อย่าไปเชื่อการแอบอ้างเป็นเจ้าหน้าที่ ถ้าเราไม่มีความผิดก็ไม่ต้องไปกลัวเขา ไปจ่ายเงินให้เขาทำไม ถ้ามีโทรมาก็ให้แจ้งความ วันนี้เราดำเนินการทั้งในและนอกประเทศเพื่อให้การปราบปรามมีประสิทธิภาพ ซึ่งน่าจะลดการเกิดเหตุให้น้อยลงได้”

ข่าวที่เกี่ยวข้อง