ผู้บัญชาการตำรวจนครบาลแจ้งข้อหา ม.157 กับเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้องกรณีดาราสาวไต้หวันถูกรีดไถทั้งหมด พร้อมเร่งสอบพยานกรณีเจ้าหน้าที่เรียกรับทรัพย์ ยืนยันไม่มีการสั่งทำลายหลักฐานตามที่เป็นข่าว
วันนี้ (30 ม.ค.) ที่ กองบัญชาการตำรวจนครบาล หรือ บช.น. พล.ต.ท. ธิติ แสงสว่าง ผู้บัญชาการตำรวจนครบาล แถลงความคืบหน้ากรณีดาราสาวไต้หวันอ้างตำรวจนครบาลห้วยขวางเรียกรับเงิน 27,000 บาท ขณะนี้คณะกรรมการตรวจสอบข้อเท็จจริงได้พิจารณาข้อมูลแล้ว มีความเห็นว่าเจ้าหน้าที่มีการละเว้นการกระทำอันเป็นความผิดจริง ในกรณีที่ไม่ได้ยึดวัตถุคล้ายบุหรี่ไฟฟ้าไว้เป็นของกลาง จึงได้แจ้งข้อกล่าวหา “ละเว้นการปฏิบัติหน้าที่” ตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 157 หากพบว่าผู้บังคับบัญชาที่ส่วนรู้เห็นจะต้องได้รับโทษในลำดับต่อไป
ส่วนกรณีการเรียกรับเงินจากดาราสาวไต้หวัน ขณะนี้ยังอยู่ระหว่างการติดตามพยานที่เกี่ยวข้องมาสอบสวน และรวบรวมพยานหลักฐานเพิ่มเติมให้ขัดเจน โดยจนถึงขณะนี้ผลการสืบสวนและพยานหลักฐานจึงยังไม่สามารถชี้ชัดว่า เจ้าหน้าที่ตำรวจเหล่านี้เรียกรับเงิน และจากการสอบปากคำตำรวจทั้งหมด ที่อยู่หน้าด่าน 6 นาย ให้การปฏิเสธการเรียกรับเงิน ตามที่ถูกกล่าวหา รวมไปถึงการรวบรวมข้อมูลจากทุกคนที่อยู่ในรถคันดังกล่าว โดยจะเร่งรัดระยะเวลาให้เร็วที่สุด ขณะเดียวกัน หากผู้ใดมีคลิปพยานหลักฐานที่ยืนยันว่าเจ้าหน้าที่เป็นผู้กระทำผิดก็สามารถนำมามอบให้กับตำรวจได้ ซึ่งขณะนี้อยู่ระหว่างการประสานขอคลิปกล้องหน้าสถานทูตจีน และรอผลการตรวจสอบกล้องที่ติดตัวตำรวจที่ถูกลบออกไป เพื่อให้หน่วยพิสูจน์หลักฐานประเด็นว่ามีการตัดต่อหรือลบคลิปอย่างไร หากพบเจ้าหน้าที่ที่มีส่วนเกี่ยวข้องจะต้องถูกดำเนินคดีด้วย พร้อมยืนยันว่ากำลังดำเนินการทั้ง 2 ส่วน ไม่ว่าจะเป็นมาตรา 157 หรือ 149 (เจ้าพนักงานใช้อำนาจในตำแหน่งโดยมิชอบเพื่อให้บุคคลหาทรัพย์สินมาให้ตนเอง)
ส่วนการประสานทางไต้หวันนั้น ได้ประสานงานผ่านเจ้าหน้าที่แล้วแต่ยังไม่ได้รับการตอบรับ แต่ได้มอบหมายให้กองบังคับการสืบสวนนครบาลประสานกับทางไต้หวันอีกครั้ง
ทั้งนี้ ผู้บัญชาการตำรวจนครบาลยืนยันว่า “ไม่ได้สั่งการให้ผู้ใต้บังคับบัญชาลบคลิปกล้องวงจรปิดหรือมีการช่วยเหลือ ทำลายพยานหลักฐานแต่อย่างใด” และไม่เคยมีความคิดเช่นนั้น ทุกอย่างต้องไปตามพยานหลักฐาน หากมีคนไม่ดีอยู่ก็ทำให้องค์กรเสียหายก็ต้องรีบดำเนินการ และต้องขออภัยไปยังประชาชนข้าราชการตำรวจทุกคนที่การปฏิบัติหน้าที่ของตำรวจทำให้กระทบต่อภาพลักษณ์ของประเทศด้วย
