ตร.รวบ พ่อ-ลุงแจ้ ก่อนเจอเบาะแสรอยเลือดบนเบาะมอเตอร์ไซต์ เร่งสืบหาตัวน้องต่อ
กรณีการหายตัวไปของ “น้องต่อ” เด็กชายวัย 8 เดือน ที่แฝงไปด้วยความน่าฉงนสงสัยเคลือบแคลงในอยู่หลายประเด็น ทั้งทางพ่อของเด็กหรือว่านายพุด ที่ออกมาให้การยืนยันว่าไม่รู้ว่าน้องต่อไปอยู่ไหน โดยเฉพาะ นิ่ม แม่ของเด็กที่กลับคำให้การจนเป็นที่น่าสงสัย ล่าสุดทางเจ้าหน้าที่ตำรวจจึงได้ลืบสวนสอบสวนจนพบว่าความสัมพันธ์ของบุคคลทั้งสามมีความเชื่อมโยงกันในเชิงชู้สาวโดยที่ “นายพุด”มีการขายบริการนส.นิ่มให้กับลุงแจ้ และเอาเงินมาใช้จ่ายในครอบครัว ซึ่งขณะนั้นนิ่มอายุเพียง 15 ปี ส่วนลุงแจ้ถูกแจ้งข้อหาพรากผู้เยาว์ เช่นกัน
วันที่ 23 กุมภาพันธ์ 2566 เมื่อเวลา 10.30 น. ตำรวจได้ควบคุมตัวทั้งนายพุดและลุงแจ้ ออกจากห้องคุมขัง เพื่อเซ็นเอกสาร ก่อนจะคุมตัวไปฝากขังที่ศาลจังหวัดนครปฐม โดยระหว่างที่คุมตัวออกมา พ่อของนายพุดวึ่งมีอาการป่วยเดินทางมาเยี่ยมลูกชายร้องห่มร้องไห้เพราะไม่รู้ว่า จะได้เจอลูกชายอีกที่เมื่อใด
ด้านนายพุด ยืนยันว่า ไม่รู้ว่าลูกหายไปไหน ซึ่งตนก็ไม่สงสัยใครแล้ว ส่วนเหตุผลที่ ‘นิ่ม’ โกหก เรื่องชายเสื้อเหลืองมาอุ้มน้องต่อไป ตนเองก็ไม่รู้ รวมทั้งเรื่องคราบเลือด ที่รถมอเตอร์ไซค์ “ก็ตอบว่า ไม่รู้” เพราะในบ้านมีรถ 2 คัน เป็นของตนเอง 1 คัน และอีกคันเป็นของพี่ชาย เบื้องต้นตำรวจยังไม่ได้แจ้งว่าคันที่นำไปตรวจสอบเป็นคันไหนกันแน่ ส่วนตัวไม่สามารถบอกได้ว่า นิ่มโกหกหรือไม่ เพราะ นิ่มอาจจะพูดความจริงก็ได้ ซึ่งตนเองก็ยังเชื่อนิ่มอยู่
ส่วนทางด้าน ‘นิ่ม’ ได้ขี่รถจักรยานยนต์ นำข้าวของ ทั้งเสื้อผ้า เเละเงินสด 10,000 บาท มาให้สามี เมื่อพบผู้สื่อข่าวนิ่มได้ตอบคำถามประเด็นที่โกหกว่าชายใส่เสื้อสีเหลืองมาอุ้ม “น้องต่อ” ไป ว่า ในวันเกิดเหตุ 5 ก.พ. 66 เห็นลูกล่าสุดตอน 6 โมงเช้า เพราะได้ยินเสียงลูกร้องไห้ พอเปิดมุ้งครอบออก ลูกก็คลานมาหา พอหยุดร้องเลยอุ้มไปนอนที่หมอน แล้วตนก็นอนหลับต่อ ผ่านไปสักพักรู้สึกว่าหมอนขยับ แต่ไม่ได้ลืมตาขึ้นมา พอตื่นขึ้นมาไม่เห็นลูกแล้ว เลยถามพุดว่าใครอุ้มลูกไปหรือได้ยินเสียงคนวิ่งหรือไม่ แต่พุดก็ไม่ได้ตอบ พอเดินไปรอบบ้านก็ไม่เห็นใครแล้ว ผู้สื่อข่าวเค้นถามต่อว่า แล้วทำไมที่ผ่านมาถึงต้องโกหก นิ่มบอกว่า “ไม่รู้” ยอมรับว่า วันนี้รู้สึกเครียดที่โดนสังคมโจมตี พยายามอธิบายใครจะเชื่อหรือไม่ ตนไม่รู้เลย แต่ยืนยันว่า ไม่ได้เอาลูกไป