เกาะติดข่าวดาราก่อนใคร

กดติดตาม “ทีวีพูล”

banner

งานนี้มีพลิกในพลิกอีกแน่ๆ เมื่อตำรวจสับขาหลอก วางแผนบอกกล้องวงจรปิดบ้านตรงข้ามเสีย แต่จริงๆกล้องใช้ได้ งานนี้เลยจับโกหกผู้ต้องสงสัยได้เลย

วันที่ 23 ก.พ.66 ผู้สื่อข่าวรายงานว่า การสืบสวนสอบสวนของตำรวจพบ กล้องวงจรปิดบางตัวสามารถบันทึกรถที่เข้าออกหน้าบ้านน้องต่อได้ รวมถึงวันเกิดเหตุ โดยในกล้องที่ตำรวจพบ พบว่าไทม์ไลน์ของนายพุดไม่ตรงกับคำให้การ

วันที่ 23.ก.พ.66 ช่วงเวลาประมาณ 06.00 น.
นายพุดตื่นแล้วและเดินอยู่ในบ้าน จากนั้นช่วงก่อน 07.00 มีรถ จยย.สีน้ำเงิน ออกจากบ้านน้องต่อไป แต่มุมกล้องไม่เห็นว่าเป็นบุคคลใดขับ เพราะกล้องเป็นมุมต่ำ จากนั้นรถจยย.คันนี้ก็หายไประยะหนึ่ง และกลับมาช่วงประมาณ 07.00 น.

ทั้งนี้ มีพยาน 1 คน เข้าให้ปากคำกับตำรวจว่า ช่วงเวลา 6 โมงกว่าๆ ได้ขี่รถจยย. สวนทางกับ “นิ่ม” โดยนิ่มขี่คนเดียว และเข้าใจว่านิ่มคงไปตลาดในวันเกิดเหตุ และต่อมาช่วง 7 โมงกว่าๆ นิ่มก็อ้างว่าน้องต่อหายไป และนั่งคลุมโปงร้องไห้

ส่วนผลการตรวจพิสูจน์หลักฐานในบ้านพักน้องต่อ พบว่า มีคราบเลือดที่รถจยย.สีน้ำเงิน โดยยังไม่มีข้อมูลยืนยันว่าเป็นเลือดของใคร

สรุปเบื้องต้น คราบเลือดที่พบในบ้านน้องต่อ

1.ที่หมอนน้องต่อ ปริมาณมากพอสมควร เลือดซึมลงถึงชั้นเนื้อหมอน

2.จุดท่อน้ำทิ้ง หน้าห้องน้ำใช้ล้างจาน ตรงกับพยานคนหนึ่งระบุว่า เวลาประมาณตี 5 กว่าๆ ของวันเกิดเหตุ เห็นบุคคลหนึ่ง (นิ่ม) มาล้างมือจุดนี้

3.บริเวณผ้าห่มน้องต่อ มีเลือดประปรายไม่มาก

4.ที่รถจยย.สีน้ำเงิน

หลักฐานคราบเลือดทั้งหมด หากตำรวจพิสูจน์หลักฐานไม่นำเครื่องลูมินอลไปตรวจสอบ ก็จะไม่พบคราบเลือด

ที่สภ.บางหลวง วานนี้ตำรวจได้แจ้งข้อกล่าวหา 2 ราย คือ นายพุด และ นายแจ้ ทางนายพุด ถูกแจ้งข้อหา “เป็นธุระจัดหาให้กระทำการค้าประเวณี “ โดยจากพฤติการณ์ พบว่า “พุด” ได้หลอกให้แม่เด็กไปขายบริการกับเพื่อนพ่อและนำเงินมาใช้จ่ายในครอบครัว
ส่วนนายเเจ้ ถูกแจ้ง 2 ข้อหา ประกอบด้วย 1.”กระทำชำเราเด็กอายุไม่เกิน 15 ปี” , และ 2.”พรากผู้เยาว์” เนื่องจากมีความสัมพันธ์กับเเม่เด็ก ตอนที่แม่เด็กยังอายุเพียง 15 ปี โดยจะมีการคุมตัวฝากขังส่งตัวศาลจังหวัดนครปฐมในช่วงเช้า

ช่วง 08.00 น. ที่ผ่านมา “นิ่ม” ขี่รถจักรยานยนต์ หอบข้าวของ ทั้งเสื้อผ้า ขนม กางเกงใน เเละเงินสด 10,000 บาท มาให้นายพุด ไม่กี่นาทีต่อมานางจำเนียร ทองทรัพย์ใหญ่ หรือป้าเนียร แม่ของพุดก็มาที่สภ. เอาข้าวกล่อง 2 กล่อง พร้อมกันน้ำดื่มมาเยี่ยมลูกชาย ทำให้เป็นครั้งแรกที่ป้าเนียนและนิ่มเจอหน้ากันหลังเกิดคดีน้องต่อ

ป้าเนียร ได้ถามไถ่สารทุกข์สุขดิบกับลูกชาย ซึ่งมีน้ำตาคลอ สีหน้าเคร่งเครียด แล้วป้าเนียรก็ได้ต่อว่านิ่ม บอกว่า “มีแต่ตัวมึงเองเท่านั้นแหละที่รู้ดีทุกอย่าง ถึงเวลาที่ต้องพูดแล้ว มึงทำคนอื่นเขาลำบากมามาก อยากให้ผัวต้องติดคุกหรอ” ซึ่งนิ่มก็ตอบกลับไปว่า “สงสาร แต่หนูไม่รู้จริงๆ และไม่ได้อยากให้พุดติดคุก”

ทีมข่าวได้พูดคุยกับป้าเนียร บอกว่า ส่วนตัวในฐานะแม่ ตนเองสงสัย ทำไมลูกชายถึงโดนแจ้งข้อหาพรากผู้เยาว์ เพราะไปสู่ขอตามประเพณี ไม่ได้ไปฉุดผู้หญิงมา ครอบครัวรู้ทั้ง 2 ฝ่าย ซึ่งตอนนั้น พุดกับนิ่มรู้จักกันผ่านเฟซบุ๊ก และมาอยู่กินกันได้แค่ 2-3เดือน นิ่มก็บอกว่าตนเองตั้งครรภ์

จนช่วง 09.30 น. ตำรวจสภ.บางหลวง คุมตัว นายพุด และ นายแจ้ ออกจากห้องขัง ก่อนพาไปเซ็นเอกสารส่งตัว ทั้งสองคนมีสีหน้าเคร่งเครียดอย่างเห็นได้ชัด และปัดตอบคำถามสื่อมวลชนในช่วงแรก

ต่อมานายพุด เปิดใจเรื่องที่เกิดขึ้น บอกว่า ตนเองได้มีโอกาสพูดคุยกับนิ่มเมื่อวานนี้ แต่ไม่ได้คุยอะไรกันเยอะ มีการสอบถามเรื่องชายเสื้อเหลือง นิ่มบอกตนเองว่า เรื่องชายเสื้อเหลือง เป็นเพียงแค่การคิดไปเอง แต่เรื่องลูกหาย นิ่มยืนยันว่าไม่รู้เรื่อง

ส่วนตัวไม่สามารถบอกได้ว่า นิ่มโกหกหรือไม่ เพราะ นิ่มอาจจะพูดความจริงก็ได้ ซึ่งตนเองก็ยังเชื่อนิ่มอยู่ และไม่ว่านิ่มจะโกหกหรือไม่ ตนเองก็ยังรักอยู่ และไม่ได้ซวยเพราะผู้หญิงคนนี้

ยืนยันว่าที่ผ่านมา พยายามบอกนิ่มแล้วว่าให้พูดเท่าที่ตนเองรู้ และยังเชื่อว่าที่น้องต่อหายตัวไปเพราะคนนอก

ส่วนคราบเลือดที่ติดอยู่บนรถจยย. ก็ไม่รู้จริงๆว่าเป็นเลือดของใคร เพราะ รถจยย.ในบ้านมี 2 คัน เป็นของตนเอง 1 คัน และอีกคันเป็นของพี่ชาย เบื้องต้นตำรวจยังไม่ได้แจ้งว่าคันที่นำไปตรวจสอบเป็นคันไหนกันแน่

ตนยังเชื่อว่าที่ลูกหายตัวไปเป็นฝีมือของคนนอกที่เข้ามาอุ้มน้องต่อหายตัวไป ส่วนตัวเสียใจที่วันนี้ถูกตำรวจฝากขัง แล้วจะไม่ได้ช่วยทีมค้นหาหาเบาะแสลูกชายอีก

ด้านนายแจ้ บอกว่า ตนกังวลมากที่ถูกตำรวจแจ้งข้อหา เพราะที่บ้านไม่มีใครดูแลลูกและพ่อแม่ และยอมรับความจริงเพราะเรื่องมาถึงตอนนี้แล้ว ซึ่งตอนนี้ลูกก็ไปรอที่ศาลเพื่อเจอตนแล้ว ก็ไม่รู้จะเอาอย่างไรกับชีวิตต่อไป เผยยังเป็นห่วงน้องต่อ อยากให้เจ้าหน้าที่เจอน้องไวๆ

ระหว่างที่ตำรวจคุมตัวนายพุด และแจ้ขึ้นรถตำรวจเพื่อนำตัวไปฝากขัง ปรากฎว่า นาย สุบิน พ่อของนายพุดได้มาให้กำลังใจ และเข้าสวมกอด พร้อมกับหลั่งน้ำตา ซึ่งนายพุดก็ตกใจที่พ่อสวมกอดตัวเอง และได้ปลอบใจพ่อว่า “ไม่ต้องร้องไห้ ไม่มีอะไรน่าเป็นห่วง”

ก่อนที่ตำรวจจะแยกทั้งคู่ออกจากกัน เพราะกลัวฝากขังไม่ทันเวลา และระหว่างที่นายพุดและแจ้ขึ้นรถตำรวจ นายพุดยืนยันว่า ตนพูดความจริงทุกอย่างแล้ว ล่าสุด ศาลจังหวัดนครปฐมให้การประกันตัวลุงแจ้ไปแล้ว ในจำนวนเงิน 1 แสนบาท

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

ตร.รวบ พ่อ-ลุงแจ้ ก่อนเจอเบาะแสรอยเลือดบนเบาะมอเตอร์ไซต์  เร่งสืบหาตัวน้องต่อ

นิ่มแม่น้องต่อ กลับคำให้การ ตำรวจเชื่อว่าเเม่เด็กยังพูดความจริงไม่หมด