เมื่อวานนี้ วันที่ 13 มี.ค.66 ที่ศาลาว่าการ กทม. นายชัชชาติ สิทธิพันธุ์ ผู้ว่าฯ กทม. กล่าวถึงกรณีคณะกรรมการป.ป.ช. มีมติสัญญาจ้างเดินรถไฟฟ้าสายสีเขียวเอื้อเอกชนว่า กทม. ได้รับทราบว่ามีหนังสือฉบับดังกล่าวในฐานะที่เป็นผู้ถือหุ้นของบริษัท กรุงเทพธนาคม จำกัด (เคที) ตั้งแต่วันที่ 8 ก.พ.ที่ผ่านมา แต่ไม่ได้แจ้งต่อสาธารณชน เนื่องจากหนังสือดังกล่าวเป็นเอกสารลับ จึงไม่สามารถเผยแพร่ได้ โดยเนื้อหาในหนังสือดังกล่าวเป็นการแจ้งข้อกล่าวหาแก่ 13 คน ในความผิดเกี่ยวกับการหลบเลี่ยง พ.ร.บ.ร่วมทุนระหว่างรัฐกับเอกชน และไม่ปฏิบัติตามพ.ร.บ.จัดซื้อจัดจ้างในการทำสัญญาจ้างเดินรถ 30 ปี (2555-2585) ทั้งนี้ หลังจาก ป.ป.ช.แจ้งข้อกล่าวหาดังกล่าวแล้ว เคทีจะต้องไปชี้แจงข้อเท็จจริงกับ ป.ป.ช. และจะต้องติดตามว่า คณะกรรมการ ป.ป.ช. จะมีมติชี้มูลความผิดหรือไม่ ซึ่งจะต้องใช้ระยะเวลาอีกช่วงเวลาหนึ่ง ขณะเดียวกัน กทม.ได้ตั้งคณะกรรมการของสภากรุงเทพมหานคร พร้อมทั้งหารือกับอัยการควบคู่กันไปด้วย
นายชัชชาติกล่าวว่า ส่วนผลของการชี้มูลความผิดว่าจะกระทบกับสัญญาจ้างเดินรถ หรือจะส่งผลให้สัญญาเป็นโมฆะหรือไม่นั้น เรื่องนี้จะต้องสอบถามผู้มีส่วนเกี่ยวข้องและผู้เชี่ยวชาญอีกครั้งหนึ่ง ปัจจุบันสัญญาฉบับดังกล่าวยังมีผลอยู่สำหรับประเด็นเรื่องการจ่ายค่าจ้างเดินรถและการเจรจาต่อเนื่องของเอกชนผู้เดินรถนั้น ได้มอบนโยบายให้เคทีดำเนินการด้วยความรอบคอบ และปฏิบัติตามกฎหมายกำหนด ส่วนประเด็นเรื่องสัญญาระบุให้ผู้รับสัมปทานในส่วนไข่แดง สามารถนำรถไฟฟ้าของ กทม.ไปเดินรถ และคิดค่าโดยสารในส่วนไข่แดงได้นั้น เรื่องนี้ดูเหมือนไม่เป็นธรรมกับ กทม.เนื่องจากมีการคิดค่าจ้างเดินรถแพงกว่าถ้าเทียบกับการจ้างเดินรถอีกกรณีหนึ่ง สองมีการนำรถไฟฟ้าที่เป็นกรรมสิทธิ์ของ กทม.มาใช้เดินรถในส่วนไข่แดงหรือส่วนสัมปทานโดยไม่มีการแบ่งส่วนแบ่ง ยอมรับว่าแปลก จึงได้มอบหมายให้เคที ไปดูในส่วนที่เป็นข้อสงสัยทุกประเด็นแล้ว รวมถึงส่วนแบ่งโฆษณาในรถไฟฟ้าทั้งในตู้โดยสารและสติกเกอร์ภายนอกตู้โดยสารด้วย
ด้านนายวิศณุ ทรัพย์สมพล รองผู้ว่าฯ กทม. กล่าวว่า ตัวค่าจ้างเดินรถมีความแตกต่างกันอยู่ระหว่างกองทุน BTSGIF กับเคที แต่จะต้องไปดูในรายละเอียดอีกครั้งหนึ่ง เนื่องจากในค่าจ้างเดินรถมีค่าใช้จ่ายหลายส่วนรวมกันอยู่ และสัญญายังมีการเปิดช่องให้เอกชนผู้เดินรถสามารถขอปรับค่าจ้างการเดินรถขึ้นได้ฝ่ายเดียว หากมีสถานการณ์เปลี่ยนแปลงไป แต่ในกรณีที่สถานการณ์กลับกัน กทม.จะต้องเจรจาร่วมกับเอกชนเพื่อขอลดค่าจ้างเดินรถ เนื่องจากในสัญญาหลักไม่ได้ระบุส่วนนี้ไว้