เกาะติดข่าวดาราก่อนใคร

กดติดตาม “ทีวีพูล”

banner

วันนี้ (23 มี.ค.) ที่สำนักงานษิทรา ลอว์เฟิร์ม ถนนสาทรใต้ กรุงเทพฯ นายษิทรา เบี้ยบังเกิด ทนายความชื่อดัง กล่าวถึงการออกมาแฉพฤติกรรมเรียกรับเงินของนายชูวิทย์ กมลวิศิษฎ์ อดีตนักการเมืองและเจ้าของธุรกิจอาบอบนวด ระบุว่า นายชูวิทย์เป็นไอดอลคนหนึ่งที่ติดตามตลอด เพราะรู้จักคนในวงการที่ออกมาแฉและรีดไถ ตนเคยชื่นชมและให้กำลังใจ บอกว่านายชูวิทย์ไม่ใช่คนแบบนั้น เงินซื้อไม่ได้ แต่ที่ออกมาแฉนายชูวิทย์ทั้งๆ ที่เป็นฮีโร่ เพราะได้รับข้อมูลมาหลายสาย

“การที่คนคนหนึ่งออกมาแฉคนที่ทำลายสังคมเป็นสิ่งที่ถูกต้อง แต่สิ่งที่จะพูดในวันนี้คือ ทุกการแฉทำเพื่อตัวเองหรือทำเพื่อสังคม เมื่อวานหลังจากที่โพสต์ไป นายชูวิทย์เป็นคนที่ฉลาดและเก่ง พอจะรู้ว่าผมมีของในมือ ออกมาโพสต์ตัดหน้า ยอมรับไว้ก่อนว่าเขารับเงินจากสารวัตรซัว (พ.ต.ท.วสวัตติ์ มุครสกุล) จริง แต่ก่อนหน้านี้ถ้าจำที่นายชูวิทย์เคยสัมภาษณ์ บอกว่า ผมไม่รับเงินพวกนี้แม้แต่บาทเดียว อันนี้ขัดแย้งหนึ่งแล้ว หลังจากที่ผมโพสต์ นายชูวิทย์ยอมรับแล้ว มีเหตุผลว่าเอาเงินไปทำบุญ แต่ยอดเงินตรงนั้นไม่ใช่ 6 ล้าน และไม่ใช่ยอดที่นำไปทำบุญด้วยซ้ำ” นายษิทรากล่าว

นายษิทรากล่าวว่า นายชูวิทย์มีกล่องดวงใจ ซึ่งสนิทสนมกับพวกทำพนันออนไลน์ และบุหรี่ไฟฟ้า เกี่ยวข้องกับกัญชาด้วย เวลาที่กล่องดวงใจรู้ว่าใครทำพนันออนไลน์ก็เรียกไปที่โรงแรม โดยมีเทคนิคว่า “เอาเงินมาทำบุญหน่อย” มีส่วนที่ทำบุญจริง แต่ไม่ใช่รับเงิน 3 ล้านแล้วทำบุญ 3 ล้าน แต่ให้ซูมความลึกของถุง ถ้าเป็นถุงขนาดมาตรฐานและลึก ข้างล่างจะมีอีก 2 ล้าน เป็นถุงละ 5 ล้าน รวม 10 ล้าน ไม่ตรงกับที่นายชูวิทย์พูดแล้ว ที่นายชูวิทย์กล่าวว่าไม่ได้รับเงิน แต่เอาเงินโจรไปทำบุญ เรียกว่าโรบินฮูด แต่เป็นโรบินฮูดที่ไปรับเงินโจรมาไปทำบุญต่อ ถ้าไม่มีค่า GP (Gross Profit เปรียบได้กับค่าหัวคิว) จะยกย่องเลย และถ้าเปิดเผยตั้งแต่วันแรกที่สารวัตรซัวติดต่อมา ตามสไตล์ที่ควรจะเป็น ป่านนี้โพสต์ด่าแล้ว ออกมาแฉ แต่ทุกคนรู้ว่าไม่มีอะไรเกิดขึ้น

“นายชูวิทย์เป็นคนที่ถ้าจะรับอะไรแล้ว แสดงว่าอาจจะมีการจนต่อพยานหลักฐาน เพราะเขารู้ว่าผมมีของในมือ และเขารู้ว่าผมมีของอะไรบ้าง ภาพถ่ายในวันนั้นมีอยู่ 6-7 ภาพ ภาพที่ส่งมาเมื่อคืนมันคือภาพชิมลาง นายชูวิทย์พูดถึงตำรวจนายหนึ่ง เป็นตำรวจนอกราชการ นายดนัย (เอกมหาสวัสดิ์) ก็พูดถึงชื่ออะไรไปแล้ว แต่ข้อมูลผิดไปนิดหนึ่ง รุ่นของตำรวจนี้ไม่ใช่รุ่น 36 รุ่นเดียวกับ พล.ต.อ.จักรทิพย์ ชัยจินดา (อดีต ผบ.ตร.) แต่เป็นรุ่นก่อนหน้ารุ่นหนึ่ง สนิทกับนายชูวิทย์มาก คอยประสานให้กับนายชูวิทย์” นายษิทรากล่าว

นายษิทรากล่าวว่า มีคนสงสัยว่าตนไปรับงานเว็บพนันหรือไม่ ตนไม่รับและพวกนี้ไม่ชอบ เพราะอยากอยู่เงียบๆ ไม่อยากเป็นข่าวและไม่อยากให้นายชูวิทย์พูดถึง เพราะจะทำกิจการไม่ได้ ข้อมูลที่ได้มาไม่ได้มาจากเว็บพนัน เพราะตนไม่คบค้าสมาคมพวกนี้ ใครจำได้บ้างว่าก่อนหน้านี้เคยมีคลิปเสียงนายชูวิทย์หลุดออกมา เคืองหลานคนหนึ่งเป็นฝ่ายทางภรรยา รู้ข้อมูลนายชูวิทย์เยอะ แล้ววันหนึ่งข้อมูลมาถึงตน

ตั้งแต่ต้นสารวัตรซัวก่อนจะเป็นข่าว มีกล่องดวงใจรู้ว่าเซตนี้ทำเว็บพนันออนไลน์ ก็ไปหาที่โรงแรมเดวิส ไม่ได้ไปแค่ตำรวจอย่างที่บอก อาจจะบอกความจริงไม่หมด เพราะมีเจ้าของเว็บไซต์คนสนิทของสารวัตรซัว และมีข้าราชการตำรวจชั้นผู้ใหญ่นายหนึ่ง ให้นายชูวิทย์ออกมาบอกเลยดีกว่า ทุกคนต้องตะลึงทั่วประเทศนั่งอยู่ด้วย วันนั้นมีการถือถุงสองถุงนี้ ยอดเงินตามที่ผมคำนวณและได้รับทราบมาไม่ใช่ 6 ล้าน แต่เป็น 10 ล้าน และมีการเรียกเงินจากพวกนี้เป็นทอดๆ ไม่ใช่ 10 ล้านเดียว

อย่างที่สอง ก่อนที่แก๊งพวกนี้เกี่ยวข้องกับอาบอบนวดลาลิซา ซึ่งซื้อต่อมาจากเสี่ยกำพล (วิระเทพสุภรณ์) ที่นายชูวิทย์ออกมาเล่นเป็นฉากๆ เพราะมีคนพยายามขอเงินพวกนี้เพิ่มอีก 10 ล้าน แต่ที่ผ่านมาก็จ่ายไปแบบไม่มีลิมิต พอไม่ให้ลาลิซาเปิดได้วันเดียวตำรวจเข้า ซึ่งตนเห็นด้วย แต่คนในที่ให้ข้อมูลกับตำรวจ สามารถชี้ได้ว่าห้องไหนทดลองเปิดบริการกับคนใน และคนในเป็นลูกน้องเก่าของใคร อันนี้คิดเอา หลังจากนั้นเกิดการจองเวรสารวัตรซัวไม่หยุด เริ่มจากลาลิซา เพราะถ้ารู้จักพอก็ไม่มีปัญหา แต่เมื่อไม่มีลิมิตตามมา พวกนี้ก็ไม่ขอจ่าย เมื่อไม่ยอมจ่ายมีการเก็บหลักฐานก็มีเรื่องตามมา

“ทุกวันนี้นักแฉแต่ละคนรับเงินรับจ้างมา แต่ค่อนข้างเสียใจ ไม่คิดว่าจะได้ออกมาพูดในเรื่องนี้ นายชูวิทย์ตอนนี้เป็นคนที่มีความเชื่อถือในสังคมค่อนข้างสูง ผมออกมาวันนี้ ผมเชื่อว่าประชาชนส่วนมากก็ยังเชื่อนายชูวิทย์อยู่ คงไม่เชื่อที่ผมพูด แต่ว่าวันนี้ผมต้องออกมาพูดเพราะไม่อยากให้มันมีอาชีพแบบนี้เกิดขึ้น การแฉเป็นสิ่งที่ดี แต่การแฉมีค่า GP เป็นสิ่งที่ไม่ดี ถ้าเกิดว่าเมื่อวานมีการพูดถึง 50 ล้าน ผมไม่เคยบอกว่า 50 ล้านเขาจ่ายเป็นเงินสดและเป็นเงินจากใคร แต่ผมจะฝากคำถามถึงพี่ชูวิทย์แบบนี้หรือเปล่า นายชูวิทย์รู้จักนายแทนไท (ณรงค์กุล) ดีใช่ไหม เคยแตะนายแทนไทบ้างหรือเปล่า” นายษิทรากล่าว

นายษิทรากล่าวว่า ที่นายชูวิทย์กล่าวว่าเป็นเงินสารวัตรซัว ตนยืนยันว่าไม่ใช่เงินสารวัตรซัว และไม่ใช่ 6 ล้านบาท วันที่นายชูวิทย์เอาไปบริจาค 3 ล้านบาทเมื่อวันที่ 14 ก.พ. เคยกล่าวว่าเป็นเจตนาบริสุทธิ์ของตนเอง ในฐานะนักศึกษาธรรมศาสตร์ ปี 2520 ตนภูมิใจโรงพยาบาลธรรมศาสตร์ ตนจึงขอความช่วยเหลือพรรคพวกที่ทำงานสุจริต แต่สารวัตรซัวในมุมมองนายชูวิทย์คือพวกทำงานสุจริตเหรอ ถึงไปให้สัมภาษณ์แบบนี้ ยังมีอีกหลายอย่างที่นายชูวิทย์ให้สัมภาษณ์บ่อย คงลืมไปว่าพูดอะไรไป แต่อย่าลืมว่าคนที่พูดความจริง พูดกี่ครั้งก็เหมือนกัน จากนี้ปล่อยให้นายชูวิทย์พูดบ้าง เกมนี้ยังอีกยาว รู้ว่าหลังจากนี้จะโดนอะไร ตนเตรียมใจไว้แล้ว แต่สังคมจะเห็นโรบินฮูดจอมปลอมไม่ได้ โรบินฮูดที่เก็บค่า GP และมีค่าคอมม์ (คอมมิชชัน)

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

เปิดศึกเดือด ชูวิทย์-สันธนะ คลุกวงในกันชุนละมุน

ชูวิทย์ แถยับ ปมตรวจรีดไถนักท่องเที่ยวชาวไต้หวัน พร้อมงัดหลักฐานพยานสำคัญ