เกาะติดข่าวดาราก่อนใคร

กดติดตาม “ทีวีพูล”

banner

รู้ไว้ก่อนเข้าคูหา ขั้นตอนเลือกตั้งปี 66 เลือกคนที่ชอบและพรรคที่ใช่ พร้อมเตรียมหลักฐานแสดงตน ใช้เอกสารอะไรบ้าง มีข้อห้ามยังไงบ้าง จะได้ไม่เสียสิทธิ

ในการเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรเป็นการทั่วไป วันที่ 14 พฤษภาคม 2566 จะมีการเปิดหีบเลือกตั้ง ในเวลา 8.00 น. เป็นต้นไป ผู้มีสิทธิเลือกตั้ง จะสามารถไปใช้สิทธิเลือกตั้งได้จนถึงเวลา 17.00 น.

เอกสารที่ใช้ในการเลือกตั้ง จะต้องมีเอกสารที่เป็นหลักฐานในการแสดงตน เพื่อขอใช้สิทธิเลือกตั้งอย่างใดอย่างหนึ่ง คือ บัตรประจำตัวประชาชน ซึ่งรวมถึงบัตรประจำตัวประชาชนหมดอายุ ก็สามารถใช้แสดงตนได้เช่นกัน บัตรหรือหลักฐานอื่นที่ทางราชการหรือหน่วยงานของรัฐออกให้ โดยต้องเป็นบัตรที่มีรูปถ่ายและมีเลขประจำตัวประชาชนของผู้ถือบัตร เช่น บัตรประจำตัวเจ้าหน้าที่ของรัฐ ใบขับขี่ หนังสือเดินทาง (พาสปอร์ต)

หากเกิดกรณีหลงลืมบัตร/หลักฐานข้างต้นไม่อยู่กับตัว สามารถใช้ภาพอิเล็กทรอนิกส์ที่เปิดผ่านแอปพลิเคชันของหน่วยงานของรัฐตามกฎหมาย ว่าด้วยการปฏิบัติราชการทางอิเล็กทรอนิกส์ได้ ซึ่งปัจจุบันสามารถใช้ได้ 3 แอปพลิเคชัน คือ แอปพลิเคชัน ThaID (ไทยดี) เพื่อแสดงบัตรประจำตัวประชาชนอิเล็กทรอนิกส์, แอปพลิเคชัน DLT QR LICENCE เพื่อแสดงใบอนุญาตขับขี่อิเล็กทรอนิกส์ และแอปพลิเคชันบัตรคนพิการ เพื่อแสดงบัตรประจำตัวคนพิการอิเล็กทรอนิกส์

ข้อห้ามวันเลือกตั้ง

1. ห้ามผู้สมัครหรือผู้ใดจัดยานพาหนะ นำผู้มีสิทธิเลือกตั้งไปยังที่เลือกตั้ง หรือนำกลับไปจากที่เลือกตั้ง หรือจัดให้ผู้มีสิทธิเลือกตั้งไปหรือกลับ เพื่อการออกเสียงลงคะแนน โดยไม่ต้องเสียค่าโดยสารยานพาหนะหรือค่าจ้าง ซึ่งต้องเสียตามปกติ ยกเว้นหน่วยงานรัฐจัดยานพาหนะ เพื่ออำนวยความสะดวกแก่ผู้มีสิทธิเลือกตั้ง

2. ห้ามขายเหล้าวันเลือกตั้ง ให้งดตั้งแต่เวลา 18.00 น. ของวันที่ 13 พฤษภาคม จนถึงเวลา 18.00 น. ของวันที่ 14 พฤษภาคม 2566 ส่วนงานแต่งงาน หรืองานเลี้ยงที่กำหนดไว้อยู่แล้วยังคงจัดได้ แต่ห้ามเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ และผู้สมัครไม่สามารถขึ้นเวทีในงานได้ ผู้กระทำผิดจะได้รับโทษจำคุกไม่เกิน 6 เดือน หรือปรับไม่เกิน 10,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ

3. ห้ามเปิดเผยผลสำรวจความคิดเห็นของประชาชนหรือผลโพล ที่มีลักษณะชี้นำในการลงคะแนนเสียงก่อน 7 วัน ในการเลือกตั้งล่วงหน้า และวันเลือกตั้งทั่วไป ผู้ใดฝ่าฝืนมีโทษจําคุกไม่เกิน 3 เดือน หรือปรับไม่เกิน 6,000 บาท หรือทั้งจําทั้งปรับ

4. ห้ามฉีกบัตรลงคะแนน โดยผู้ใดจงใจทำบัตรเลือกตั้งชำรุดหรือเสียหาย หรือให้เป็นบัตรเสีย จะมีโทษจำคุกไม่เกิน 5 ปี ปรับไม่เกิน 100,000 บาท และจะถูกเพิกถอนสิทธิเลือกตั้งอีกถึง 10 ปี

5. ห้ามนำบัตรเลือกตั้งออกจากเขตเลือกตั้ง หรือจงใจทำเครื่องหมายเพื่อเป็นที่สังเกต ห้ามถ่ายภาพบัตรเลือกตั้งที่ได้ลงคะแนนเลือกตั้งแล้ว และห้ามนำบัตรเลือกตั้งที่ลงคะแนนแล้วแสดงให้ผู้อื่นเห็นว่าลงคะแนนหรือไม่ลงคะแนนเลือกผู้สมัครใด หากผู้ใดฝ่าฝืนข้อห้าม มีโทษจำคุก 1-5 ปี ปรับ 20,000-100,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ และให้ศาลสั่งเพิกถอนสิทธิเลือกตั้งอีก 10 ปี

สำหรับการเลือกตั้งครั้งนี้ จะมีบัตร 2 ใบ คือ สีม่วงและสีเขียว โดยบัตรเลือกตั้งสีม่วง จะเป็นการเลือกตั้ง ส.ส.แบบแบ่งเขต (เลือกเบอร์ผู้สมัคร ส.ส.) และบัตรสีเขียว จะเป็นการเลือก ส.ส.บัญชีรายชื่อ (เลือกเบอร์พรรคการเมืองที่ชอบ)

ขั้นตอนการใช้สิทธิลงคะแนนเลือกตั้ง สามารถทำได้ดังนี้

ขั้นตอนที่ 1 ตรวจสอบรายชื่อ

ตรวจสอบรายชื่อและลำดับที่จากบัญชีรายชื่อผู้มีสิทธิเลือกตั้ง ที่ประกาศไว้หน้าหน่วยเลือกตั้ง หรือตรวจสอบข้อมูลการใช้สิทธิทางแอปฯ Smart Vote

ขั้นตอนที่ 2 ยื่นหลักฐานแสดงตน

ยื่นบัตรประชาชนหรือหลักฐานแสดงตนให้กรรมการประจำที่เลือกตั้งกลาง เพื่อตรวจสอบข้อมูลและยืนยันตัวตน พร้อมลงลายมือชื่อในบัญชีรายชื่อผู้มีสิทธิเลือกตั้ง

ขั้นตอนที่ 3 รับบัตรเลือกตั้ง

รับบัตรเลือกตั้ง 2 ใบ ได้แก่ บัตรเลือกตั้ง ส.ส.แบบแบ่งเขตเลือกตั้งและบัตรเลือกตั้ง ส.ส.แบบบัญชีรายชื่อ พร้อมลงลายมือชื่อหรือพิมพ์ลายนิ้วหัวแม่มือขวา บนต้นขั้วบัตรเลือกตั้งทั้ง 2 ประเภท โดยกรรมการประจำที่เลือกตั้งลงลายมือชื่อในต้นขั้วบัตรเลือกตั้ง

ขั้นตอนที่ 4 ทำเครื่องหมายกากบาท

เข้าคูหาลงคะแนน ทำเครื่องหมายกากบาท X ลงในช่องทำเครื่องหมายในบัตรเลือกตั้งแต่ละประเภท โดยสามารถเลือกผู้สมัครหรือพรรคการเมืองได้เพียงบัตรละหมายเลขเดียว หากไม่ต้องการเลือกผู้สมัครใดหรือบัญชีรายชื่อของพรรคการเมืองใดเลย ให้ทำเครื่องหมายกากบาท X ในช่องไม่ประสงค์เลือกผู้สมัครผู้ใด หรือไม่เลือกบัญชีรายชื่อของพรรคการเมืองใด

ขั้นตอนที่ 5 หย่อนบัตรด้วยตนเอง

เมื่อลงคะแนนเสร็จแล้ว พับบัตรเลือกตั้งแต่ละประเภทให้เรียบร้อย และหย่อนบัตรลงในหีบบัตรเลือกตั้งแต่ละประเภทให้ถูกต้องด้วยตนเอง

ยังไงก็ตามผู้มาใช้สิทธิก็ต้องสวมหน้ากากอนามัย ซึ่งเป็นไปตามมาตรการป้องกันโรคระบาดโควิด-19 ซึ่งทุกหน่วยมีจุดบริการเจลแอลกอฮอล์ และแน่นอนประชาชนไม่จําเป็นต้องพกปากกามาเอง เพราะทุกเขตเลือกตั้งได้มีการจัดเตรียมไว้ให้เรียบร้อยแล้ว