เกาะติดข่าวดาราก่อนใคร

กดติดตาม “ทีวีพูล”

banner

นายจเด็จ อินสว่าง ส.ว. ถึงการโหวตเลือกนายกฯ ว่า ส่วนตัวมีเงื่อนไข หากเสียงข้างมากขณะนี้คือพรรคก้าวไกล ตนไม่ได้โหวตโดยดูเฉพาะเรื่องเสียงข้างมาก แต่ดูเรื่องความเหมาะสมของนโยบายพรรค เพราะจะขึ้นมาเป็นนายกรัฐมนตรี ต้องดูแลกันเยอะๆ

นายจเด็จ กล่าวว่า เรื่องสำคัญที่ติดใจคือ การแก้ไขหรือยกเลิกมาตรา 112 เพราะมันไม่ชอบด้วยเหตุผลที่จะแก้ให้ลดโทษ เพราะอยากทำให้การหมิ่นประมาทกล่าวอาฆาตมาดร้ายสถาบันให้มากขึ้นหรือไม่ ต้องการด้อยค่าสถาบันหรือไม่

ส่วนที่ระบุว่าจะแก้ไข ไม่ใช่ให้ใครก็แจ้งความมาตรานี้ได้นั้น นายเจด็จกล่าวว่า ไม่เข้าใจหรือว่าปวงชนชาวไทยมีหน้าที่ดำรงไว้ซึ่งการปกครองระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหาษัตริย์เป็นประมุข

ส่วนที่บอกว่ามีการนำมาตรานี้ไปกลั่นแกล้งคนเห็นต่างทางการเมือง หรือเด็กอายุ 14 นายจเด็จกล่าวว่า เรื่องนี้ไม่เกี่ยวกับความเห็นต่างทางการเมือง มันเป็นเรื่องอาฆาตมาดร้าย ไปด้อยค่า ตนรับไม่ได้

“เท่าที่ผมเห็นมา ไม่เห็นจะมีใครไปกลั่นแกล้ง มีแต่เด็กๆ ที่ถูกดำเนินคดีหนักข้อเข้าไปใหญ่”

นายจเด็จ กล่าวว่า ยอมรับว่า ขณะนี้ใน ส.ว.มีการคุยเรื่องการโหวตนายกฯ บางคนบอกว่าเขาได้เสียงข้างมากมา ก็ปล่อยให้ทำงานไปตามกระบวนการประชาธิปไตย ซึ่งตนไม่เห็นด้วย แต่ยอมรับว่ามีที่คิดแบบนี้เช่นกัน ทั้งนี้ นายพิธาก็มีแง่บวก แต่มีอีกหลายเรื่องที่ตนติดใจ อย่างเรื่องเลือกตั้งผู้ว่าฯ หากเลือกตั้งมาก็จะไม่เป็นกลาง หากทำงานอยู่แล้วมีประชาชนมาขอ พอเลิกหน้าต่างดู บอกว่านี่ไม่ใช่พวกตัวเองอย่างนี้ก็จบเลย และเราเป็นรัฐเดี่ยว

นายจเด็จ กล่าวว่า วันนี้ คณะกรรมาธิการ(กมธ.) การพัฒนาการเมืองและการมีส่วนร่วมของประชาชน วุฒิสภา ที่มีนายเสรี สุวรรณภานนท์ เป็นประธาน ได้คุยกันเรื่องนี้ เราก็แลกเปลี่ยน แต่ไม่ได้มีมติว่าจะเอาอย่างไร เพราะที่ประชุมก็มาจากที่เดียวกัน อย่างไรก็ตาม ได้ตั้งคณะทำงานขึ้นมาศึกษาเรื่องนี้ ที่เราจะส่งให้ กกต.ไปดูว่าหลักฐานการครอบงำพรรค, เรื่องถือหุ้นสื่อ, เรื่องการจงใจละเมิดต่อสถาบัน เร่งส่งต่อให้ กกต.พิจารณา โดยกำหนดให้คณะทำงานทำให้เสร็จใน 1 เดือน

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

พิธา พร้อม!! จะเป็นนายกฯต่อไป เย็นนี้ขึ้นรถแห่ขอบคุณ

ผู้พิพากษา แจงกฎหมายถ้าถือหุ้นในฐานะผู้จัดการมรดกของ พิธา ลิ้มเจริญรัตน์