“บิ๊กโจ๊ก” เผย คำให้การของแอมไม่ตรงกับพยาน ตรวจพบเงิน 78 ล้านของแอมมาจากการเล่นพนันออนไลน์ ย้ำคดีนี้จะเป็นบทเรียนราคาแพงให้เจ้าหน้าที่ที่ละเลยหน้าที่
-
แอม ไซยาไนด์ เปลี่ยนทนายแล้ว “ทนายพัช” ขู่ใครปากดีเจอฟ้องกลับแน่
-
ทนายของแอมมั่นใจ คดีก้อยรอดแน่นอน เพราะร่างเผาแล้ว
วันที่ 17 พ.ค. เวลา 15.00 น. พลตำรวจเอกสุรเชษฐ์ หักพาล รองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ เปิดเผยถึงความคืบหน้าการสืบสวนสอบสวน คดีแอม ไซยาไนด์ ว่า จากการสอบปากคำพยานเมื่อวานที่ผ่านมา 7 ปาก ที่กองบัญชาการตำรวจภูธรภาค 7 ในเรื่องที่มาของสารไซนาไนด์ ซึ่งคำให้การของพยานทั้ง 7 ปากไม่ตรงและไม่สอดคล้องกับคำให้การของแอม เมื่อวานซืนที่ผ่านมา
ดังนั่นในวันที่ 18 พ.ค. 2566 เวลาประมาณ 15.00 รองโจ๊กและพนักงานสอบสวนเข้าพบแอมเพื่อสอบปากคำเพิ่มเติมอีกครั้ง หลังให้เวลาแอมได้คิดทบทวนการกระทำเป็นเวลา 2 วันแล้ว ทั้งนี้จากการประชุมและติดตามสำนวนการสอบสวนคณะทำงานเห็นตรงกันว่าไม่เกิน 3 ฝาก(ปลายสัปดาห์หน้า) พนักงานสอบสวนจะสามารถสรุปสำนวนคดีนี้ทั้ง 15 คดี ให้พนักงานอัยการพิจารณาได้
ในส่วนของเรื่องของเส้นทางการเงินจำนวน 78 ล้านบาทใน บัญชีของแอม ขณะนี้พบแล้วว่าเป็นเงินจากพนันออนไลน์ (Fun88) ทำให้สามารถสรุปได้ว่าแอมติดหนี้พนันไม่มีเงินจ่าย จึงก่อเหตุเพื่อนำเงินไปจ่ายหนี้พนัน ออนไลน์ ซึ่งดูได้จากเงินเข้าออกเว็บพนันต่อวันสูงถึงหลักล้าน นอกจากนี้ยังพบ บัญชีม้าและบัญชีอื่นๆ อีก 180 ซึ่งในจำนวนนี้ มีบัญชีของผู้เสียชีวิตและผู้รอดชีวิตจากการก่อเหตุรวมอยู่ด้วย
กรณีคนใกล้ชิด ขอเวลารวบรวมพยานหลักฐานให้ชัดเจนอีกนิด จึงจะสามารถตอบได้จะมีการออกหมายจับเพิ่มเติมหรือไม่
รองโจ๊ก ยังระบุอีกว่า คดีนี้จะเป็นคดีที่ให้บทเรียนราคาแพงให้กับเจ้าหน้าที่ของกรมโรงงานอุตสาหกรรมที่มีหน้าที่ดูแลและควบคุมสารต้องห้าม ว่าจะปล่อยปละละเลยไม่ได้ หรือจะปฏิเสธความรับผิดชอบต่อการสูญเสียที่เกิดขึ้นไม่ได้เด็ดขาด
คดีนี้จะใช้บรรทัดฐานเดียวกับกับ คดีปืนกหลวงหาย ของ สภ.ปากเกร็ด ที่ผู้กำกับดูแลที่มีหน้าที่ดูแลจะต้องรับผิดชอบด้วยถึงแม้จะเป็นผู้กระทำผิดหรือผู้สมรู้ร่วมคิดหรือไม่ก็ตาม
โรงงานที่มีสารไซยาไนด์กว่า 700 โรงงานซึ่งได้ผ่านการตรวจสอบและขัดแยกซึ่งเหลือผู้ต้องสงสัยเพียง 10 โรงงาน ซึ่งจะทำให้รู้ว่า ไซยาไนด์ของแอมนั่น หลุดมาจากโรงงานใด ก่อนสรุปสำนวน
อย่างไรก็ตามคดีนี้ พนักงานสอบสวนไม่รอคำให้การของแอม แต่จะใช้วัตถุพยานและพยานทางนิติวิทยาศาสตร์ของสถาบันนิติวิทยาศาสตร์สำนักงานตำรวจแห่งชาติ และนักวิชาการอย่าง อ.อ๊อด ซึ่งเป็นผู้เชี่ยวชาญ โดยผลจากทั้งสองฝ่าย พบว่ามีการเชื่อมโยงกัน