สำนักงานกองทุนน้ำมันเชื้อเพลิง เผยสิ้นปีติดลบประมาณ 80,000 ล้านบาท

วันที่ 14 ธ.ค. 2566 รายงานข่าวแจ้งว่าสถานการณ์ราคาน้ำมันดิบตลาดโลกในช่วงที่ผ่านมาอ่อนตัวลงต่อเนื่อง ทำให้สำนักงานกองทุนน้ำมันเชื้อเพลิง(สกนช.) คาดว่า ณ สิ้นเดือน ธ.ค.2566 จะมีฐานะติดลบประมาณ 80,000 ล้านบาท ซึ่งต่ำกว่าเดิมที่เคยประเมินว่าจะติดลบ 100,000 ล้านบาท

จากล่าสุด ณ วันที่ 10 ธ.ค. 2566 กองทุนมีฐานะสุทธิติดลบ 78,760 ล้านบาท แบ่งเป็นบัญชีน้ำมันติดลบ 32,708 ล้านบาท และบัญชีก๊าซปิโตรเลียมเหลว(แอลพีจี) หรือก๊าซหุงต้ม ติดลบ 46,052 ล้านบาท

โดยที่ผ่านมาราคาขายปลีกน้ำมันมีการปรับตัวลดลงต่อเนื่อง ล่าสุดเมื่อวันที่ 9 ธ.ค. 2566 มีการปรับลดราคาขายปลีกน้ำมันเบนซิน แก๊สโซฮอล์ ลง 40 สตางค์ต่อลิตร ส่งผลให้ราคาน้ำมันขายปลีกในพื้นที่กรุงเทพฯ ที่ยังไม่รวมภาษีบำรุงท้องถิ่น เป็นดังนี้

กลุ่มน้ำมันเบนซิน เบนซิน ออกเทน 95 ลิตรละ 42.64 บาท ซูเปอร์เพาเวอร์ แก๊สโซฮอล์ 95 ลิตรละ 42.54 บาท (โออาร์) แก๊สโซฮอล์ 97 ลิตรละ 46.44 บาท (บางจาก) แก๊สโซฮอล์ 95 ลิตรละ 34.75 บาท แก๊สโซฮอล์ 91 ลิตรละ 32.98 บาท แก๊สโซฮอล์ E20 ลิตรละ 32.64 บาท แก๊สโซฮอล์ E85 ลิตรละ 32.79 บาท

กลุ่มน้ำมันดีเซล ซูเปอร์พาวเวอร์ดีเซล B7 ลิตรละ 40.24 บาท (โออาร์) ไฮพรีเมี่ยมดีเซลS B7 ลิตรละ 42.34 บาท (บางจาก) ดีเซล B7 ลิตรละ 29.94 บาท ดีเซล B10 ลิตรละ 29.94 บาท ดีเซล B20 ลิตรละ 29.94 บาท

ขณะที่คณะกรรมการบริหารนโยบายพลังงาน (กบง.) มีมติเห็นชอบให้คงราคาขายส่งหน้าโรงกลั่นก๊าซปิโตรเลียมเหลว (แอลพีจี) ที่ 20.9179 บาทต่อกิโลกรัม (ไม่รวมภาษีมูลค่าเพิ่ม) เพื่อให้ราคาขายปลีกก๊าซหุงต้มคงอยู่ที่ประมาณ 423 บาทต่อถัง 15 กิโลกรัม ต่ออีก 3 เดือน โดยมีผลบังคับใช้ตั้งแต่วันที่ 1 ม.ค.- 31 ม.ค.2567