เกาะติดข่าวดาราก่อนใคร

กดติดตาม “ทีวีพูล”

banner

ช่วงปีที่ผ่านมา ความคึกคักย่านห้วยขวางกลายเป็นที่ลือชื่อ โดยเฉพาะร้านอาหาร ร้านหมาล่าที่พาเหรดมาเปิดกันแทบทุกช่วงตึก ล่าสุดสถานการณ์ร้านต่างๆ เหล่านี้เริ่มปิดตัวลง

นายประพฤทธ์ หาญกิจจะกุล สก.เขตห้วยขวาง กล่าวว่า หลังจากธุรกิจเหล่านี้บูมขึ้น เมื่อปีที่ผ่านมา สำนักงานเขตห้วยขวาง ได้กวดขันตรวจสอบ พบว่ามีร้านอาหารจีนจำนวนมากที่เปิดโดยไม่มีใบอนุญาต

ทั้งนี้ บรรยากาศตลอดถนนประชาราษฎร์บำเพ็ญซบเซาลงอย่างชัดเจน จากการที่ร้านอาหารจีนจำนวนหนึ่งปิดกิจการลง สืบเนื่องจากช่วงที่เศรษฐกิจดีก่อนการระบาดของโควิด-19 ชาวจีนจำนวนมากเข้ามาในเขตห้วยขวาง และมีการเปิดร้านอาหารจีนเป็นจำนวนมาก จนถูกสังคมขนานนามว่าเป็น “ไชน่าทาวน์แห่งใหม่”

จากปรากฏการณ์ดังกล่าว ทำให้เขตห้วยขวางและถนนประชาราษฎร์บำเพ็ญมีชื่อเสียง นักท่องเที่ยวต่างชาติและคนไทยแห่กันมาจนเป็นที่สนใจของสังคม และมีคำถามเกี่ยวกับประเด็น “จีนเทา” ที่เข้ามาประกอบธุรกิจในประเทศไทย

ปลายปี 2566 ที่ผ่านมา สำนักงานเขตห้วยขวางได้ลงไปกวดขันและตรวจสอบการประกอบธุรกิจของชาวจีนในพื้นที่ เนื่องจากมีเรื่องร้องเรียนต่าง ๆ ไม่ว่าจะเป็น คนจีนเข้ามาประกอบอาชีพอะไร ถูกต้องตามกฎหมายหรือไม่ เป็นต้น

สำนักงานเขตได้ตรวจสอบใบอนุญาตต่าง ๆ เช่น การจดทะเบียนธุรกิจ ตลอดจนอาหารที่นำมาขายนั้นได้รับการรับรองจากสํานักงานคณะกรรมการอาหารและยา (อย.) หรือไม่

พบว่ามีร้านอาหารจีนจำนวนมากที่เปิดโดยไม่มีใบอนุญาต สำนักงานเขตจึงออกคำสั่งให้ทุกร้านมาทำใบอนุญาต บางร้านก็สามารถทำได้และทำไม่ได้ เพราะการทำใบอนุญาตมีหลายเงื่อนไข ทั้งต้องทำบ่อดักไขมัน บันไดหนีไฟ ฯลฯ

บางร้านมองว่าการทำใบอนุญาตเป็นการผูกมัดและยุ่งยาก หรือที่ไม่สามารถทำได้เนื่องจากเป็นตึกเช่าไม่ใช่ของตัวเอง และโครงสร้างของตึกไม่สามารถเปิดร้านอาหารได้อย่างถูกต้อง จึงปิดกิจการไป

ประกอบกับเศรษฐกิจช่วงนี้ไม่ได้ดีเหมือนก่อนโควิด เมื่อขายของไม่ดี แต่ต้องถูกกวดขัน และต้องลงทุนร้านเพิ่มเติมเพื่อสร้างอะไรต่าง ๆ บางร้านจึงคิดว่าทำแล้วไม่คุ้ม ก็ปิดตัวลงในที่สุด

ร้านที่ปิดกิจการไปมีประมาณ 30% หรือราว 10 จาก 40 ร้าน บนถนนประชาราษฎร์บำเพ็ญ ส่วนมากเป็นร้านหมาล่าและชาบูหม้อไฟที่ลงทุนประมาณ 2-3 ล้านบาท เป็นตึกแถวขนาด 1-2 คูหา และเป็นร้านของคนจีนหรือนอมินีจีน

เมื่อสำนักงานเขตลงไปตรวจ ทางเขตจะให้โอกาสยื่นขอใบอนุญาตใน 15 วัน ถ้ายังไม่ดำเนินการก็จะให้รอบ 2 อีก 15 วัน หากยังไม่ดำเนินการอีกจะสั่งปิดร้าน และถ้าฝ่าฝืนไม่ปิดก็จะเเจ้งความ ส่งศาลดำเนินคดี ถ้าผู้ประกอบการยังไม่ยอมปิดร้านอีกก็จะถูกปรับเป็นรายวัน ร้านที่ถูกปรับก็จะมีตั้งแต่ 2-5 หมื่นบาท

สำหรับร้านที่ถูกปิด ชาวจีนจะให้ร้านอื่นมาดำเนินการต่อ ยกเว้นตึกนั้นไม่สามารถทำเป็นร้านอาหารได้เลย ก็คงจะไม่ทำต่อ

อย่างไรก็ตาม เมื่อสั่งให้ร้านต่าง ๆ มาทำใบอนุญาต คนจีนจะให้คนไทยดำเนินการ ส่วนหนึ่งเพราะพูดภาษาไทยไม่ได้ จึงต้องใช้ล่ามหรือนอมินี ซึ่งก็ไม่สามารถเอาผิดคนจีนได้ เพราะสุดท้ายก็เปิดกิจการในชื่อคนไทย

นอกจากนี้ พื้นที่อื่นของเขตห้วยขวางนอกถนนประชาราษฎร์บำเพ็ญ ก็มีการปิดร้านเช่นกัน แต่อาจเป็นที่เอกชน ไม่ใช่ถนนใจกลางเขต และเป็นที่สาธารณะแบบถนนประชาราษฎร์บำเพ็ญ ซึ่งประชาชนจะสะท้อนปัญหาและเป็นประเด็นมากกว่า

ทั้งนี้ สก.ประพฤทธ์ยืนยันว่า ร้านอาหารจีนที่ยังเปิดอยู่ในปัจจุบันนั้นถูกต้องตามกฎหมายและเสียภาษีถูกต้องทั้งหมดแล้ว จากเมื่อก่อนที่เปิดกันแบบเถื่อนโดยไม่เสียภาษีและไม่มีใบอนุญาตจำหน่ายอาหารหรือสถานที่สะสมอาหาร

สก.ประพฤทธ์ ยังเผยว่า ปัจจุบัน 2 ฝั่งถนนประชาราษฎร์บำเพ็ญซบเซาลงอย่างเห็นได้ชัด เดิมนักท่องเที่ยวและประชาชนจะมาไหว้เทวาลัยพระพิฆเนศและเดินข้ามฝั่งมาหาของกิน แต่ทุกวันนี้ไม่ค่อยมีคนข้ามถนนมาแล้ว รวมถึงคนจีนก็ไม่เยอะเท่าเมื่อก่อน

จำนวนนักท่องเที่ยวชาวจีนที่ลดลงมีผลกับบรรยากาศในพื้นที่ เนื่องจากชาวจีนเปลี่ยนเส้นทางท่องเที่ยว ไปภูเก็ต สมุย พัทยา เกาะล้านมากกว่า กรุงเทพฯ กลายเป็นทางผ่านแทน ไม่ใช่จุดแวะเหมือนเมื่อก่อน เท่าที่ได้สอบถาม พบว่าชาวจีนเที่ยวในย่านนี้รวมทั้งในกรุงเทพฯ น้อยลง เมื่อมาไทยก็ตรงไปที่อื่นเลย

“2-3 ทุ่มก็เงียบเเล้ว จากเมื่อก่อนเที่ยงคืนคนยังเยอะอยู่เลย”

จากการคาดการณ์ส่วนตัว คิดว่าบรรดาร้านอาหารจีนบนถนนประชาราษฎร์บำเพ็ญน่าจะสร้างเม็ดเงินสะพัดรวมกัน 30-40 ล้านบาทต่อเดือน แต่ปัจจุบันคงลดลงมากว่าครึ่งหนึ่ง ประมาณ 15 ล้านบาทเท่านั้น

ข่าวที่น่าสนใจ

กอดเอวรักกัน บิ๊กต่อ บิ๊กโจ๊ก เคลียร์ใจกันเรียบร้อย

“เศรษฐา” เรียก “บิ๊กต่อ-บิ๊กโจ๊ก” เคลียร์ใจ ขอให้จบปมขัดแย้ง