เกาะติดข่าวดาราก่อนใคร

กดติดตาม “ทีวีพูล”

banner

มร.อิชิโระ ซะกะกุระ กรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท อายิโนะโมะโต๊ะ (ประเทศไทย) จำกัด เปิดเผยว่า ทางบริษัทได้ปรับราคาผงชูรสในแพ็กเก็จขนาดใหญ่ขึ้นเฉลี่ย 4% มีผลตั้งแต่ 1 ก.ค.67 ที่ผ่านมา เป็นการปรับราคาครั้งที่ 2 หลังจากเมื่อปี 2565 ได้ปรับราคาขึ้นไป 10% โดยสาเหตุของการปรับราคาดังกล่าว สืบเนื่องจากต้นทุนวัตถุดิบถีบตัวสูงขึ้นมาก โดยเฉพาะผลิตภัณฑ์มันสำปะหลังซึ่งเป็นวัตถุดิบสำคัญที่สุด แต่ยังตรึงราคาไซส์เล็กเอาไว้

สำหรับกระแสของผู้บริโภคที่ตื่นตัวในกระแสรักสุขภาพและผงชูรสถูกมองว่าเป็นสินค้าที่ไม่ดีต่อสุขภาพนั้น มร.ซะกะกุระกล่าวว่า ไม่ทราบมีที่มาจากไหน ซึ่งจริงๆแล้วกระแสการตอบรับจากผู้บริโภคยุคใหม่ที่หันมาดูแลสุขภาพมากขึ้น ตอบรับข้อมูลใหม่ๆมากขึ้น นับป็นผลดีต่อบริษัทด้วยซ้ำ และมีข้อมูลว่าไทยเป็นประเทศที่บริโภคโซเดียมเป็นอันดับ 1 ของโลก ขณะที่ผงชูรสช่วยลดโซเดียมถึง 1 ใน 3 จากการบริโภค อย่างไรก็ตาม ความเข้าใจที่คลาดเคลื่อนเป็น 1 ในปัญหาที่บริษัทจะต้องทำการสื่อสารออกไปให้ผู้บริโภคอย่างต่อเนื่อง

“บริษัทเริ่มต้นธุรกิจมากว่า 100 ปีในประเทศญี่ปุ่น จากการเริ่มต้นในธุรกิจผลิตผงชูรส ด้วยการใช้ศาสตร์แห่งกรดอะมิโน (AminoScience) มาส่งเสริมคุณภาพชีวิตของผู้คนทั่วโลกให้กินดีมีสุข ซึ่งมีคุณสมบัติหลายประการ เช่น การเสริมสร้างร่างกายของมนุษย์ การป้องกัน ให้พลังงาน ช่วยให้อาหารมีรสชาติอร่อยขึ้น ซึ่งจากองค์ความรู้ดังกล่าวได้นำศาสตร์แห่งกรดอะมิโนขยายไปยังสินค้าหลากหลายของบริษัท โดยในไทยได้ขยายจากธุรกิจเครื่องปรุงรส ไปยังกาแฟ อาหารแช่แช็ง บะหมี่กึ่งสำเร็จรูป และในบางประเทศ ได้ขยายไปยังสินค้าเครื่องสำอาง

สำหรับตลาดผงชูรสในไทย ปัจจุบันมีมูลค่ากว่า 15,000 ล้านบาท เติบโตในระดับ 1-3% ทุกปี โดยอายิโนะโมะโต๊ะมีส่วนแบ่ง 93% ส่วนตลาดผงปรุงรสมูลค่า 10,000 ล้านบาท แบรนด์รสดีของบริษัท มีส่วนแบ่งตลาด 89% ส่วนบะหมี่กึ่งสำเร็จรูปยำยำ สามารถเบียดขึ้นเป็นอันดับสองของตลาดได้แล้วในปีนี้ ขยับขึ้นมามีส่วนแบ่งตลาดที่ 21% จากมูลค่าตลาดบะหมี่กึ่งสำเร็จรูปมูลค่ากว่า 20,000 ล้านบาททั้งนี้ อายิโนะโมะโต๊ะ (ประเทศไทย) มีรายได้ปีละ 32,000 ล้านบาท คาดว่าจะเติบโตมากกว่าตัวเลขอัตราเติบโตของผลิตภัณฑ์มวลรวมในประเทศ (จีดีพี) และเป็นอันดับ 8 ของกลุ่มธุรกิจผู้ผลิตอาหารในประเทศไทย