เกาะติดข่าวดาราก่อนใคร

กดติดตาม “ทีวีพูล”

banner

วันที่ 23 ก.ย.2567 ที่สำนักงานคณะกรรมการการเลือกตั้ง(กกต.) นายนพรุจ วรชิตวุฒิกุล อดีตแกนนำพิราบขาว 2006 เข้ายื่นคำร้องต่อกกต. ขอให้พิจารณาว่าพรรคเพื่อไทยเข้าข่ายความผิดต้องยุบพรรค ตาม พ.ร.ป.ว่าด้วยพรรคการเมือง 2560 และตัดสิทธิกรรมการบริหารพรรคตามมาตรา 92(4) พ.ร.ป.ว่าด้วยพรรคการเมือง 2560 หรือไม่

จากกรณีส่งนายชาญ พวงเพ็ชร์ ลงสมัครชิง นายกองค์การบริหารส่วนจังหวัด (นายก อบจ.) ปทุมธานี ในรอบแรก ทั้งที่ถูกกล่าวหาเรื่องเกี่ยวกับทุจริต โดยป.ป.ช.มีชี้มูลความผิด และศาลอาญาทุจริตรับฟ้องจนมีผลให้นายชาญ ต้องหยุดปฏิบัติหน้าที่จนพ้นหน้าที่ด้วยการหมดวาระเข้าข่ายหรือส่อผิด พ.ร.บ.เลือกตั้งสมาชิกสภาท้องถิ่นหรือผู้บริหาร พ.ศ.2562 มาตรา49(8) หรือไม่ และพรรคเพื่อไทยส่อเข้าข่ายฝ่าฝืน มาตรา 21 วรรคแรก หรือไม่

จากเหตุที่กฎหมายกำหนดให้พรรคและกรรมการบริหารพรรค ต้องมีความรอบคอบในการคัดเลือกบุคคลตัวแทนพรรค ลงรับสมัคร นายก อบจ.ปทุมธานี จึงขอให้กกต.พิจารณาว่าเข้าข่ายยุบพรรค ตัดสิทธิ์กรรมการบริหารพรรค หรือไม่ ตามพ.ร.ป.พรรคการเมือง หมวด 8 ความสิ้นสุดของพรรคการเมือง มาตรา 92(4) หรือไม่

นายนพรุจ กล่าวว่า จากที่ได้ศึกษาและดูรายละเอียดทั้งหมด โดยมีคำสัมภาษณ์ของเลขาธิการกฤษฎีกา เมื่อวันที่ 2 ก.ค 67 ยืนยันว่านายชาญ ไม่สามารถปฏิบัติหน้าที่ และไม่สามารถดำรงตำแหน่งนายก อบจ.หลังได้รับเลือกตั้งเป็น นายก อบจ. ในรอบแรกเมื่อวันที่ 30 มิ.ย. 67 ได้ และพ.ร.บ.เลือกตั้งสมาชิกสภาท้องถิ่นหรือผู้บริหาร พ.ศ.2562 มาตรา49(8) กำหนดคุณลักษณะต้องห้าม ลงสมัครไว้ชัดเจนว่า ห้ามผู้ที่เคยถูกสั่งให้พ้นจากราชการ หน่วยงานของรัฐหรือรัฐวิสาหกิจเพราะทุจริตต่อหน้าที่หรือถือว่ากระทำการทุจริตหรือประพฤติมิชอบในวงราชการ ลงสมัครรับเลือกตั้งได้

กรณีนายชาญ นั้น ป.ป.ช.ชี้มูลความผิด มีการตีความกันของผู้รับผิดชอบ ทั้งรมว.มหาดไทย ผู้ว่าฯและมีคำสั่งเดิมของผู้ว่าฯปทุมธานีในขณะนั้น คือให้หยุดปฏิบัติหน้าที่ ซึ่งการหยุดปฏิบัติหน้าที่จนพ้นวาระ หรือเรียกง่ายๆ คือพ้นจากตำแหน่ง

จึงนำคำสัมภาษณ์ของเลขาธิการกฤษฎีกา ยื่นให้กกต.พิจารณาประเด็นเรื่องคุณสมบัติของผู้สมัครเบอร์ 1 รอบที่แล้วในนามพรรคเพื่อไทย และการลงสมัครในนามของพรรค ก็ขอให้กกต.พิจารณาว่าเข้าข่ายขัดมาตรา 21 ของพ.ร.ป.ว่าด้วยพรรคการเมือง 2560 ที่ระบุชัดว่า การคัดเลือกสมาชิกลงสมัครรับเลือกตั้งหรือดำรงตำแหน่งทางการเมือง พรรคต้องคัดเลือกคนที่มีความซื่อสัตย์สุจริต มีธรรมาภิบาล ไม่ใช่ส่งคนที่มัวหมองมาลงสมัคร เหมือนเป็นการดูถูกประชาชน

ประเด็นนี้จะเป็นเหตุให้เข้าข่ายยุบพรรค และตัดสิทธิ์กรรมการบริหารพรรคด้วยหรือไม่ รวมถึงให้พิจารณาความอาญาและความแพ่ง เพราะการที่กกต.ไม่รับรองนายชาญ เป็นนายก อบจ. โดยให้ใบเหลืองในรอบแรก ทำให้ต้องจัดการเลือกตั้งใหม่

“ที่มาร้อง ผมไม่ได้เกี่ยวข้อง หรือรู้จักกับผู้สมัครคนใด แต่ผมยืนหยัดในการร้องเรียนตามข้อเท็จจริงโดยอาศัยหลักนิติรัฐ นิติธรรมและคิดว่าถ้าพรรคเพื่อไทยเดือดร้อน ก็ออกมาแก้ได้เลย อย่างที่ผมร้องกกต.ให้เอาผิดนายกฯ และสส.ที่ไปร่วมงานอุปสมบทลูกชายนายกฤษฎา หลีนวรัตน์ นายกเทศมนตรีตำบลธัญบุรีจนนำมาสู่การที่กกต.ให้ใบเหลืองนายชาญ ก็เห็นเงียบกริบ

ผมไม่ได้ขัดแย้งกับงานบวช เพราะผมก็เคยบวชมาก่อน แต่ขัดแย้งกับการจัดเลี้ยงในช่วงเลือกตั้งเพราะเป็นการจูงใจ ถ้าพรรคเพื่อไทยเห็นว่าการร้องเรื่องนี้ไร้สาระ ก็ไปแก้ไขกฎหมายเอา แต่การที่กกต.ให้ใบเหลืองนายชาญ ทำให้ต้องจัดการเลือกตั้งใหม่ มันก็มีค่าใช้จ่าย ผมเฉยเมยไม่ได้เพราะเงินที่ใช้ก็เป็นเงินภาษีของผมเหมือนกัน จึงต้องร้องขอให้กกต.ดำเนินการ” นายนพรุจ กล่าว