เกาะติดข่าวดาราก่อนใคร

กดติดตาม “ทีวีพูล”

banner

อุบัติเหตุบนท้องถนน สิ่งที่เกิดขึ้นได้บ่อยครั้ง และหนึ่งในสาเหตุของการเกิดอุบัติเหตุเหล่านี้คือ ความประมาท สังคมจึงต้องมี “กฎหมายจราจร” เพื่อให้เกิดความปลอดภัยบนท้องถนนมากยิ่งขึ้น แต่ถึงแม้ว่าหลายคนจะรู้ดีว่าต้องปฎิบัติตามกฎหมาย แต่ปฎิเสธไม่ได้เลยว่า คนจำนวนไม่น้อยก็ยังคงฝ่าฝืนกฎหมายเหล่านี้อยู่ เช่น ขับรถฝ่าไฟแดงเพราะรีบ ไม่คาดเข็มขัดนิรภัยเพราะคิดว่าจุดหมายไม่ไกล ขับรถบนทางเท้า ฯลฯ

กฎหมายจราจรใหม่ 2567 เริ่มต้นบังคับใช้แล้วตั้งแต่วันที่ 9 มกราคม 2566 ที่ผ่านมา มีทั้งกฎหมายที่เกี่ยวข้องกับความเร็วในการขับขี่ ปัจจัยการเกิดอุบัติเหตุ และกฎหมายอื่น ๆ

โดยกฎหมายจราจรใหม่มีการปรับอัตราโทษและเพิ่มบทลงโทษสำหรับความผิดหลายกรณี มีรายละเอียดดังนี้

กฎหมายจราจรใหม่ และ ค่าปรับจราจรใหม่ล่าสุด 2567

  • ขับรถเร็วเกินกำหนด ปรับไม่เกิน 4,000 บาท (เดิม 1,000 บาท)
  • ฝ่าสัญญาณไฟจราจร ปรับไม่เกิน 4,000 บาท (เดิม 1,000 บาท)
  • ขับรถผ่านทางม้าลายโดยไม่หยุดให้คนข้าม ปรับไม่เกิน 4,000 บาท (เดิม 1,000 บาท)
  • ขับรถย้อนศร ปรับไม่เกิน 2,000 บาท (เดิม 500 บาท)
  • ไม่คาดเข็มขัดนิรภัยขณะขับขี่ ปรับไม่เกิน 2,000 บาท (เดิม 500 บาท)
  • ไม่สวมหมวกนิรภัย ปรับไม่เกิน 2,000 บาท (เดิม 500 บาท)
  • ขับรถโดยไม่คำนึงถึงความปลอดภัยในชีวิตหรือร่างกายของผู้อื่น ปรับ 5,000 – 20,000 บาทและจำคุกไม่เกิน 1 ปี หรือทั้งจำทั้งปรับ (เดิม 2,000 – 10,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ)
  • ขับขี่บนทางเท้า ปรับ 400 – 1,000 บาท และผู้แจ้งเบาะแสได้รับเงินส่วนแบ่งเป็นกึ่งหนึ่งของค่าปรับ
  • ไม่หยุดรถหลังเส้นหยุดรถบริเวณสัญญาณไฟจราจร ปรับไม่เกิน 1,000 บาท
  • กลับรถที่ทางร่วมทางแยก (โดยไม่มีเครื่องหมายจราจรอนุญาต) ปรับ 400 – 1,000 บาท
  • ไม่ดื่มสุราหรือเสพยาเสพติดก่อนหรือระหว่างการขับขี่ จำคุกไม่เกิน 1 ปี มีโทษปรับตั้งแต่ 5,000-20,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ
  • แข่งรถบนถนนทางสาธารณะ จำคุกไม่เกิน 3 เดือน หรือปรับตั้งแต่ 5000-10,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ

กฎหมายความเร็วใหม่

กฎหมายจราจร ได้กำหนดความเร็วในการขับขี่บนท้องถนน สำหรับยานพาหนะแต่ละประเภท ซึ่งกฎหมายความเร็วใหม่แบ่งออกได้ตามประเภทของยานพาหนะ ดังต่อไปนี้

  • รถยนต์ 4 ล้อ : ใช้ความเร็วได้ไม่เกิน 110 กม./ชม. แต่มีข้อยกเว้นว่าถ้าอยู่เลนขวาสุด จะต้องมีความเร็วไม่ต่ำกว่า 100 กม./ชม.
  • รถบรรทุกและรถโดยสารที่จุได้มากกว่า 15 ที่นั่ง : กำหนดความเร็วในการขับขี่ไม่เกิน 90 กม./ชม.
  • รถบรรทุกผู้โดยสารเกิน 7 คน แต่ไม่เกิน 15 คน : ความเร็วไม่เกิน 100 กม./ชม.
  • รถมอเตอร์ไซค์ : ความเร็วไม่เกิน 80 กม./ชม.
  • รถมอเตอร์ไซค์ขนาด 400 ซีซีขึ้นไป : ความเร็วไม่เกิน 100 กม./ชม.
  • รถสำหรับลากจูง รถสามล้อ และรถยนต์สี่ล้อขนาดเล็ก : ไม่เกิน 65 กม./ชม.
  • รถยนต์ 4 ล้อ : ขับบนทางด่วนได้ไม่เกิน 100 กม./ชม.
  • รถบรรทุกมากกว่า 2,200 กิโลกรัม หรือรถโดยสารเกิน 15 คน : ขับบนทางยกระดับหรือทางด่วนได้ไม่เกิน 80 กม./ชม.
  • รถโรงเรียน-รับส่งนักเรียน : ขับบนทางด่วนได้ไม่เกิน 80 กม./ชม.

นอกจากกฎหมายที่เกี่ยวกับอุบัติเหตุและกฎหมายความเร็วแล้ว ยังมีกฎหมายที่เกี่ยวข้องอื่น ๆ ด้วยเช่นกัน ไม่ว่าจะเป็น

  • ไม่พกใบอนุญาตขับขี่รถยนต์ ปรับไม่เกิน 1,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ
  • ขับขี่รถจักรยานยนต์โดยไม่มีใบอนุญาตขับขี่ ปรับไม่เกิน 500 บาท
  • ขับขี่ในขณะที่ใบอนุญาตขับขี่หมดอายุ ถูกยึด ถูกเพิกถอนหรือถูกพักใช้ ปรับไม่เกิน 2,000 บาท

ถูกปรับ จ่ายค่าปรับจราจรได้ที่ไหน

  • แอปพลิเคชัน Krungthai Next
  • เคาน์เตอร์ธนาคารกรุงไทยทุกสาขา
  • ที่ทำการไปรษณีย์ทุกแห่งทั่วประเทศ
  • CenPay ของเครือ CENTRAL Group
  • จุดบริการที่มีเครื่องหมาย PTM ที่แสดงถึงหน่วยบริการชำระเงินค่าปรับตามใบสั่งโครงการ PTM
  • สอบถามเพิ่มเติมโทร. 1193

สำหรับใครที่เมินเฉยต่อ ใบสั่ง ไม่ไม่ไปชำระค่าปรับตามวันและเวลาที่กำหนด เจ้าหน้าที่จะมีการแจ้งข้อหาเพิ่มเพราะไม่มารายงานตัว แถมยังถูกอายัดทะเบียนด้วยเช่นกัน โดยจะมีค่าปรับเพิ่มขึ้นมา 1,000 บาทอีกด้วย หากติดค่าปรับจราจรเอาไว้ ไม่ไปจ่ายเลย ก็จะส่งผลให้ไม่สามารถต่อทะเบียนรถได้ในอนาคต และหากยังไม่ชำระค่าปรับจราจรอีกอาจมีการดำเนินการทางกฎหมาย เช่น การออกหมายเรียก หรือการดำเนินคดีเพื่อบังคับชำระค่าปรับ