วันที่ 22 พฤศจิกายน 2567 ผู้สื่อข่าวรายงานกรณีเหตุการณ์ช่วงกลางดึกของวันที่ 20 พฤศจิกายน ที่ผ่านมา เมื่อ พ.ต.ท.สถาพร มังคลาด สารวัตรป้องกันปราบปราม สภ.เมืองเชียงราย ได้รับแจ้งเหตุมีบุคคลก่อความวุ่นวายที่ลานจอดรถของสถานบันเทิงแห่งหนึ่งในย่านถนนราษฎร์บูรณะ อ.เมืองเชียงราย
เมื่อเจ้าหน้าที่ไปถึง พบว่าบุคคลดังกล่าวคือ นายวิทยา ซึ่งทราบในภายหลังว่าเป็นนายกองค์การบริหารส่วนตำบล (อบต.) แห่งหนึ่งในจังหวัดเชียงราย กำลังมีปากเสียงกับพนักงานในร้าน นายวิทยาได้โต้เถียงกับเจ้าหน้าที่ โดยถามว่า “ตนเองผิดอะไร” ก่อนถูกนำตัวไปสงบสติและปล่อยตัวกลับ
ประวัติพฤติกรรมในอดีต
จากการตรวจสอบพบว่า เมื่อวันที่ 7 พฤศจิกายนที่ผ่านมา นายวิทยาเคยก่อเหตุเมาแล้วขับชนรถผู้อื่นในพื้นที่เดียวกัน โดยเมื่อเจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.เมืองเชียงราย ขอให้เป่าเครื่องวัดระดับแอลกอฮอล์ นายวิทยาปฏิเสธและเดินออกจากสถานีตำรวจทันที ขณะที่คู่กรณีได้เป่าและพบว่าระดับแอลกอฮอล์เป็นศูนย์
การสอบสวนและความคืบหน้า
นายบดินทร์ เทียมภักดี นายอำเภอเวียงชัย เปิดเผยว่า ได้สั่งตั้งกรรมการสอบสวนข้อเท็จจริงเกี่ยวกับพฤติกรรมไม่เหมาะสมของนายวิทยา และหากพบว่ามีความผิดจริงตามข้อกฎหมายหรือระเบียบขององค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น (อปท.) นายอำเภอมีอำนาจสั่งหยุดการปฏิบัติหน้าที่ได้
ขณะเดียวกัน มีรายงานว่า ป.ป.ช. จังหวัดเชียงราย กำลังตรวจสอบเรื่องการใช้งบประมาณและทรัพย์สินของทางราชการที่เคยถูกร้องเรียนก่อนหน้านี้
อัตราโทษกรณีเมาแล้วขับ
ตามกฎหมาย หากพบว่ามีแอลกอฮอล์ในเลือดเกิน 50 มิลลิกรัมเปอร์เซ็นต์ ผู้กระทำผิดจะถูกปรับ 5,000-20,000 บาท จำคุกไม่เกิน 1 ปี หรือทั้งจำทั้งปรับ และพักใช้ใบอนุญาตขับขี่ไม่น้อยกว่า 6 เดือน แต่หากปฏิเสธการเป่าแอลกอฮอล์ จะถือว่ามีความผิดเทียบเท่ากับการเมาแล้วขับ
เสียงจากเจ้าหน้าที่
นายภคิน พูนเกตุ ปลัดอำเภอฝ่ายงานปกครอง อ.เวียงชัย ยืนยันว่า กระบวนการสอบสวนจะเป็นไปอย่างยุติธรรม โดยคำนึงถึงข้อกฎหมายและข้อเท็จจริง เพื่อให้ความเป็นธรรมทั้งต่อผู้ร้องเรียนและผู้ถูกร้อง
กรณีดังกล่าวกลายเป็นที่วิพากษ์วิจารณ์อย่างกว้างขวางในสังคม โดยชาวบ้านตั้งคำถามถึงความเหมาะสมในการปฏิบัติตัวของผู้ดำรงตำแหน่งนายก อบต. รวมถึงมาตรการทางกฎหมายที่ควรบังคับใช้อย่างเคร่งครัดเพื่อรักษามาตรฐานของผู้นำในระดับท้องถิ่น.
ข่าวที่น่าสนใจ