เกาะติดข่าวดาราก่อนใคร

กดติดตาม “ทีวีพูล”

banner

จากกรณีเมื่อวันที่ 29 เมษายน 2567 เวลาประมาณ 08.40 น.นางแคทเทอร์รีน โจรี่ โรแล็นด์  เจอร์แมน เดลาโคทอายุ 59 ปี สัญชาติฝรั่งเศส ได้ใช้อาวุธปืนปลิดชีพตัวเองภายในบ้านพักของตัวเอง และก่อนเสียชีวิตผู้ตายได้ทำพินัยกรรมยกทรัพย์สิน ให้กับ นางณัฐวลัย หรือ ป้าติ๋ม ซึ่งเป็นคนใช้คนสนิท ประกอบด้วย บ้านหรือวิลล่าหรูพร้อมที่ดินที่เกิดเหตุ มูลค่าราว 30 ล้านบาท ที่ดินเปล่า 2 แปลง ที่มีพื้นที่ติดกับวิลล่า มูลค่าราว 20 ล้าน

และทรัพย์สิน เครื่องประดับ บางส่วนที่ตู้เซฟ รวมถึงเงินสดในธนาคารอีกจำนวนหนึ่ง โดยรวมมูลค่า ที่ป้าติ๋มได้รับราว 100 ล้านบาท แต่กลับการสืบสวนและรวบรวมพยานหลักฐานของเจ้าหน้าที่พบว่าเป็นการฆ่าตัวตาย เนื่องจากไม่พบพิรุธหรือข้อบ่งชี้ว่ามีบุคคลอื่นทำให้เสียชีวิต

ล่าสุดทางเจ้าหน้าที่ชุดสอบสวน ภ.จว.สุราษฎร์ธานี ร่วมกับ อ.เกาะสมุย จ่อแจ้งความดำเนินคีจำนวน 2 คดี หลังได้ดำเนินการสอบสวนเกี่ยวกับการทำธุรกิจของนางแคทเทอร์รีน โจรี่ โรแล็นด์  เจอร์แมน เดลาโคท ผู้ตาย ซึ่กระทำผิดกฎหมายร่วมกับ 2 นอมินีคนไทยจัดตั้งบริษัท จำนวน 2 บริษัทคือ บริษัท จี.วี.เอ็น.อี.จำกัด และ บริษัท แม็กซิเคท จำกัดซึ่งทางเจ้าหน้าที่ได้ดำเนินคดี กับ คดีที่1.บริษัท จี.วี.เอ็น.อี.จำกัด  ในฐานะนิติบุคคล ,นางแคทเทอร์รีน โจรี่ โรแล็นด์  เจอร์แมน เดลาโคท (Mrs.Catherine , Joelle , Rolande , Germaine , Delacote) อายุ 59 ปี สัญชาติฝรั่งเศส (เสียชีวิต) ,นายทองใส  คติสุข  อายุ 50 ปี และนางรัชประภา โซเรดะ อายุ 36 ปี

ผู้ต้องหาที่ 1 และ ที่ 2 กระทำผิด ข้อหา “ร่วมกันแจ้งให้เจ้าพนักงานผู้กระทำการตามหน้าที่จดข้อความอันเป็นเท็จลงในเอกสารราชการ , เป็นบุคคลต่างด้าวประกอบธุรกิจที่ไม่อนุญาตให้คนต่างด้าวประกอบกิจการด้วยเหตุผลพิเศษตามที่กำหนดไว้ในบัญชีหนึ่ง( การค้าที่ดิน ตามบัญชีหนึ่ง(9) , เป็นคนต่างด้าวได้ที่ดินมาโดยฝ่าฝืนต่อกฎหมาย และเป็นบุคคลต่างด้าวยินยอมให้ผู้มีสัญชาติไทยหรือนิติบุคคลที่มิใช่คนต่างด้าวตามพระราชบัญญัตินี้ถือหุ้นแทนคนต่างด้าวในห้างหุ้นส่วนหรือบริษัทจำกัด หรือนิติบุคคลใด ๆ เพื่อให้คนต่างด้าวประกอบธุรกิจโดยหลีกเลี่ยงหรือฝ่าฝืนบทบัญญัติแห่งพระราชบัญญัตินี้”

ผู้ต้องหาที่ 3 ที่ 4 กระทำผิด ข้อหา “ร่วมกันแจ้งให้เจ้าพนักงานผู้กระทำการตามหน้าที่จดข้อความอันเป็นเท็จลงในเอกสารราชการ , ร่วมกันสนับสนุนช่วยเหลือให้คนต่างด้าวได้ที่ดินมาโดยผิดชอบด้วยกฎหมาย , เป็นผู้มีสัญชาติไทยหรือนิติบุคคลที่มิใช่คนต่างด้าวตามพระราชบัญญัตินี้ ให้ความช่วยเหลือหรือสนับสนุนหรือร่วมประกอบธุรกิจของคนต่างด้าว อันเป็นธุรกิจที่กำหนดไว้ในบัญชีท้ายพระราชบัญญัตินี้ (การค้าที่ดิน ตามบัญชีหนึ่ง(9))โดยคนต่างด้าวนั้นมิได้รับอนุญาตให้ประกอบธุรกิจดังกล่าว หรือร่วมประกอบธุรกิจของคนต่างด้าวโดยแสดงออกว่าเป็นธุรกิจของตนแต่ผู้เดียวหรือถือหุ้นแทนคนต่างด้าวในห้างหุ้นส่วนหรือบริษัทจำกัด หรือนิติบุคคลใด ๆ เพื่อให้คนต่างด้าวประกอบธุรกิจโดยหลีกเลี่ยงหรือฝ่าฝืนบทบัญญัติแห่งพระราชบัญญัตินี้ รวมทั้งคนต่างด้าวซึ่งยินยอมให้ผู้มีสัญชาติไทยหรือนิติบุคคลที่มิใช่คนต่างด้าวตามพระราชบัญญัตินี้กระทำการดังกล่าว” และคดีที่2.บริษัท แม็กซิเคท จำกัด  ในฐานะนิติบุคคล  ,นางแคทเทอร์รีน โจรี่ โรแล็นด์  เจอร์แมน เดลาโคท (Mrs.Catherine , Joelle , Rolande , Germaine , Delacote) อายุ 59 ปี สัญชาติฝรั่งเศส (เสียชีวิต) ,นายทองใส  คติสุข  อายุ 50 ปี  ,นางรัชประภา  โซเรดะ อายุ 36 ปี

ผู้ต้องหาที่ 1 และ ที่ 2 กระทำผิด ข้อหา “ร่วมกันแจ้งให้เจ้าพนักงานผู้กระทำการตามหน้าที่จดข้อความอันเป็นเท็จลงในเอกสารราชการ , เป็นคนต่างด้าวได้ที่ดินมาโดยฝ่าฝืนต่อกฎหมาย”

ผู้ต้องหาที่ 3 ที่ 4 กระทำผิด ข้อหา “ร่วมกันแจ้งให้เจ้าพนักงานผู้กระทำการตามหน้าที่จดข้อความอันเป็นเท็จลงในเอกสารราชการ , ร่วมกันสนับสนุนช่วยเหลือให้คนต่างด้าวได้ที่ดินมาโดยผิดชอบด้วยกฎหมาย”

ทั้งนี้สืบเนื่องจากเมื่อประมาณ ปี พ.ศ.2550 นางแคทเทอร์รีน โจรี่ โรแล็นด์  เจอร์แมน เดลาโคท ผู้ตาย ได้เข้ามาอยู่ที่ประเทศไทย โดยเช่าบ้านพักอยู่บนเกาะสมุย  ต่อมาประมาณเดือน มีนาคม 2555 ผู้ตาย ให้ได้สำนักงานทนายความ ช่วยเหลือจดจัดตั้ง  บริษัท จี.วี.เอ็น.อี.จำกัด ทำธุรกิจก่อสร้างบ้านขาย โดยใช้คนไทยเป็นนอมินี ถือหุ้นแทนในบริษัท และได้ไปซื้อที่ดินโฉนดเลขที่ 3961 ต่อมาวันที่ 5 มีนาคม 2557 ได้แบ่งแยกโฉนดที่ดิน นำไปก่อสร้างอาคาร จำนวน 5 หลัง  ชื่อโครงการ “มะพร้าววิลล่า” จำหน่ายไป 3 หลัง เหลืออยู่ 2 หลัง ต่อมาวันที่ 29 เมษายน 2567 เวลาประมาณ 08.40 น. ผู้ตาย ได้ยิงตัวตายในบ้านพัก และทำพินัยกรรมยกทรัพย์สินให้ป้าติ๋มแม่บ้าน

ส่วน บริษัท แม็กซิเคท จำกัด เดิมเป็นเจ้าของกรรมสิทธิ์ที่ดิน 1 แปลง เมื่อวันที่ 19 ตุลาคม 2559 นางแคทเทอร์รีน โจรี่ โรแล็นด์  เจอร์แมน เดลาโคท ผู้ตาย ได้เข้าไปซื้อหุ้นใน บริษัท แม็กซิเคท จำกัด ทั้งหมด โดยใช้ชื่อคนไทยช่วยเหลือถือหุ้นแทน เพื่อเป็นเจ้าของที่ดิน จากนั้นได้นำที่ดินมาก่อสร้างอาคาร 3 ชั้น ไว้เป็นที่พักอาศัย และใช้อาวุธปืนยิงตัวตายในบ้านพักดังกล่าว

ในส่วนของนางณัฐวลัย ภูพองตา หรือ ป้าติ๋ม ชาว อ.วานรนิวาส จ.สกลนคร ที่ผู้ตายระบุว่าให้เป็นคนรับมรดกนั้นไม่มีส่วนเกี่ยวข้องกับคดีดังกล่าว แต่ส่วนของมรดกที่ผู้เสียชีวิตทำพินัยกรรมมอบให้กับป้าติ๋ม จะได้ตามพินัยกรรมหรือไม่ก็ต้องมีการดำเนินการต่อไป

ล่าสุดผู้สื่อข่าวได้เดินทางไปที่วิลล่าหรู ที่เป็นบ้านที่เกิดขึ้น ที่ผู้ตายเขียนพินัยกรรมว่าให้กับป้าติ๋ม พบว่าบ้านหลังดังกล่าวได้มีช่างกำลังซ่อมแซมบ้าน ที่ก่อนหน้านี้โดนต้นไม้หักโค่นใส่ และพบป้าติ๋ม อยู่บนวิลล่าหลังดังกล่าว แต่ปฎิเสธ ที่จะพูดคุยและให้สัมภาษณ์กับสื่อถึงเรื่องราวดังกล่าว   

ขณะที่ผู้สื่อข่าวได้มีโอกาสสอบถาม นางสาวอุสา เพื่อนสนิทของป้าติ๋ม ที่ป้าติ๋มแวะเวียนไปหาทุกวัน โดยนางสาวอุสา บอกว่า ป้าติ๋มเล่าให้ฟังว่าตอนนี้ไม่ได้ทำงานที่วิลล่าแล้ว แต่ไม่ทำงานทำความสะอาดที่อื่นแทน

ส่วนทรัพย์สินที่เจ้านายผู้เสียชีวิตเขียนในพินัยกรรม ป้าติ๋มบอกว่า ตอนนี้ได้วิลล่า ได้รถ ที่ดิน และเงินสดบางส่วนแล้ว แต่นี้ก็เป็นแค่เพียงคำบอกเล่าที่ป้าติ๋มเล่าให้เพื่อนสนิทฟัง  แต่ยังไม่มีคำเปิดเผยที่แน่ชัดจากป้าติ๋ม ว่าเป็นจริงอย่างที่เล่าให้เพื่อนฟังหรือไม่  แต่ก็พบว่าป้าติ๋มยังเข้าไปดูแลซ่อมแซมวิลล่าดังกล่าวอยู่จนถึงวันนี้          

ล่าสุดวันนี้ (26พ.ย.67) พ.ต.อ.ศิริชัย สุขสาตต์ รอง ผบก.ภ.จว.สุราษฎร์ธานี/รอง ผอ.ศปชก. ภ.จว. สุราษฎร์ธานี กล่าวว่า หลังเกิดเหตุ นางแคทเทอร์รีน ชาวฝรั่งเศส นักธุรกิจวิลล่าให้เช่า บนเกาะสมุยใช้ปืนจ่อขมับปลิดชีพตัวเองริมสระน้ำในวิลล่าหรู ก่อนตายทำพนัยกรรมยกทรัพย์สินให้แม่บ้านคนสนิท มูลค่าร่วม 100 ล้านบาท จนทำให้เป็นสนใจของคนไทยทั้งประเทศ โดยเฉพาะประเด็นทรัพย์สินเกี่ยวกับที่ดินและสิ่งปลูกสร้างว่า ชาวต่างชาติสามารถถือครองและโอนทรัพย์สินให้กับผู้อื่นได้หรือไม่ จึงได้มอบหมายให้ ศปชก.ภ.จว. สุราษฎร์ธานี เข้าสืบสวนสอบสวนมาอย่างต่อเนื่องนาน 7 เดือน

จนกระทั่งพบพยานหลักฐาน ที่ทำให้เชื่อว่า การดำเนินธุรกิจในลักษณะนิติบุคคลที่มีบุคคลต่างด้าวเป็นกรรมการ เข้าข่ายความผิดลักษณะของตัวแทนอำพราง ซึ่งได้ใช้เวลารวบรวมพยานหลักฐาน จนมั่นใจว่าสามารถเอาผิดผู้ที่เกี่ยวข้องได้จึงเป็นที่มาของการเข้าร้องทุกข์กล่าวโทษ เพื่อดำเนินคดีกับผู้เกี่ยวข้องทั้งหมด โดยในการสืบสวนยังพบว่ามีสำนักงานกฎหมายเข้าไปมีส่วนเกี่ยวข้อง และให้การช่วยเหลือในการจดทะเบียนบริษัทนิติบุคคลของชาวต่างด้าว ซึ่งประเด็นของสำนักงานกฎหมายจะต้องมีการสืบสวนสอบสวนและรวบรวมพยานหลักฐานเพิ่มเติม โดยคาดว่าจะสามารถดำเนินการได้ในเร็วๆ นี้