เอเอฟพี รายงานวันที่ 14 ธ.ค. ถึงความคืบหน้าการลงคะแนนเสียงของสมาชิกสภานิติบัญญัติแห่งชาติเกาหลีใต้ในญัตติถอดถอน ประธานาธิบดียุน ซอกยอล จากกรณีประกาศใช้กฎอัยการศึกเมื่อวันที่ 3 ธ.ค.ที่ผ่านมา ท่ามกลางผู้ประท้วงกว่า 200,000 คนที่รวมตัวชุมนุมกันอย่างหนาแน่นด้านนอกอาคารรัฐสภาในกรุงโซล โดยสมาชิกสภาลงมติที่คะแนน 204 เสียงจากทั้งหมด 300 เสียง เห็นชอบให้ถอดถอนนายยุน
อย่างไรก็ตาม กระบวนการถอดถอนทั้งหมดอาจใช้เวลานานหลายสัปดาห์เพราะต้องผ่านการพิจารณาของศาลรัฐธรรมนูญ หากคณะตุลาการศาลรัฐธรรมนูญ 6 คนจากทั้งหมด 9 คนลงมติรับรองการถอดถอน นายยุนจะถูกปลดอย่างเป็นทางการและการเลือกตั้งประธานาธิบดีจะถูกประกาศภายใน 60 วันหลังจากการตัดสิน
ขณะเดียวกัน นายยุนกล่าวหลังมติถอดถอนว่า ตนจะ “ก้าวลงจากตำแหน่ง” พร้อมเรียกร้องให้ยุติ “การเมืองที่เกินขอบเขตและการเผชิญหน้า แม้ตอนนี้ผมต้องก้าวลงจากตำแหน่งสักพักแต่การเดินทางสู่อนาคตจะยังไม่หยุดนิ่ง” นายยุนระบุผ่านแถลงการณ์ทางโทรทัศน์
รายงานระบุว่า นายปาร์ก ชานแด ผู้นำในสภาของพรรคประชาธิปไตยแห่งเกาหลี (ดีพี) กล่าวสุนทรพจ์ก่อนลงมติเมื่อเวลา 16.30 น. ตามเวลาท้องถิ่นว่า การประกาศใช้กฎอัยการศึกไม่เพียงแต่ขัดต่อรัฐธรรมนูญและผิดกฎหมายเท่านั้น แต่ยังเป็นการละเมิดอำนาจอธิปไตยของประชาชนของเกาหลีใต้ด้วย
“ยุน ซอกยอล เป็นผู้นำการก่อกบฏครั้งนี้เนื่องจากตัวเขาเองเป็นผู้ตรวจสอบกระบวนการและความคืบหน้าของสิ่งที่เกิดขึ้น และยังสั่งการ (ผู้ที่เกี่ยวข้อง) ด้วย “การถอดถอนยุน ซอกยอล เป็นหนทางเดียวที่จะกอบกู้ความสงบเรียบร้อยตามรัฐธรรมนูญได้” นายปาร์กกล่าวย้ำ
และว่านายยุนเป็นคนเพ้อฝัน ถ้าไม่หยุดนายยุนจากหน้าที่ประธานาธิบดีก็ไม่มีทางรู้ว่าจะเกิดอะไรขึ้นอีกในอนาคต สถานการณ์ในเกาหลีใต้ขณะนี้ส่งผลแบบคลื่นทะเลกระแทกฝั่ง
ทั้งต่อระบบเศรษฐกิจและการทูตของประเทศ สหรัฐอเมริกาและนานาชาติต่างแสดงความกังวลอย่างยิ่งเกี่ยวกับสิ่งที่เกิดขึ้นในเกาหลีใต้ “ดังนั้นการถอดถอนประธานาธิบดีเกาหลีใต้จะแสดงให้โลกเห็นว่าประชาธิปไตยยังทำงานอย่างที่ควรจะเป็น เพื่อนสมาชิกรัฐสภานี่คือโอกาสสุดท้ายของเรา” นายปาร์กทิ้งท้าย
ก่อนหน้านี้นายยุนอ้างว่ามีจุดประสงค์เพื่อปกป้องเกาหลีใต้จากภัยคุกคามของเกาหลีเหนือและกำจัดฝ่ายต่อต้านรัฐบาล อย่างไรก็ตาม พันธมิตรพรรคฝ่ายค้านชี้ว่าเป็นการกระทำที่ขัดต่อรัฐธรรมนูญและยื่นฟ้องดำเนินคดีนายยุนกับเจ้าหน้าที่ระดับสูงหลายคนในข้อกล่าวหาร่วมกันก่อกบฏ