วันที่ 31 พฤษภาคม 61 ที่ผ่านมา ผู้สื่อข่าวได้เดินทางไปสำรวจยังหมู่บ้านหนองงูเหลือม หมู่ที่ 3 ต.โคกม่วง. อ.ภาชี จ.พระนครศรีอยุธยา หลังได้รับแจ้งจากชาวบ้านว่า ได้รับความเดือดร้อนอย่างหนัก เนื่องจากมีฝูงแมลงวันจำนวนมากบุกหมู่บ้าน สร้างความเดือดร้อนรำคาญให้กับชาวบ้าน นอกจากนี้ยังส่งผลกระทบต่อการทำมาหากิน โดยเฉพาะร้านอาหาร.ถึงต้องกับนำกาวไปวางล่อให้แมลงวันบินมาติด กันยั้วเยี้ยจนน่าขยะแขยง และก็กำจัดไม่หมด ทำได้แต่เป็นการกำจัดเหล่าแมลงวันชั่วคราว สอบถามนางรัตนาวิไล สุขสถาน อายุ 42 ปี เจ้าของร้านก๋วยเตี๋ยวซึ่งเปิดขายอยู่ริมถนน สายภาชี – หินกอง. หมู่ 3 ต.โคกม่วง. อ.ภาชี จ.พระนครศรีอยุธยา หนึ่งในชาวบ้านที่ได้รับความเดือดร้อน ได้เปิดเผยว่า ทุกวันนี้ได้รับความเดือดร้อนอย่างหนักจากฝูงแมลงวันที่มีจำนวนมาก สร้างความเดือดร้อนรำคาญให้กับชาวบ้านหลายหมู่บ้าน โดยเฉพาะร้านตนเองเปิดขายก๋วยเตี๋ยวเวลาประกอบอาหารแมลงวันจำนวนมากจะบินมาตอมอาหาร ขนาดนำผ้ามาคุม นำแผ่น กาวมาดัก ก็ไม่สามารถกำจัดได้ ลูกค้าที่แวะเข้ามากินก๋วยเตี๋ยวก็ต้องแผ่นหนีไม่สามารถนั่งอยู่ได้และก็กลัวแมลงวัน ซึ่งเป็นพาหะนำโรคต่างๆ บินมาตอมอาหารกินแล้วจะเกิดท้องร่วง ขณะเดียวกัน วัดโคกแดง ต.โคกตูม อ.หนองแค จ.สระบุรี. ซึ่งเป็นเขตติดต่อห่างกันประมาณ 500 เมตร ก็ได้รับผลกระทบเช่นกัน โดยสาเหตุที่หมู่บ้านแห่งนี้มีแมลงวันเป็นจำนวนมาก
เนื่องจากฟาร์มไก่ ฟาร์มหมู ในละแวกดังกล่าว ที่มีระบบการจัดการที่ไม่ดีพอ ไม่มีการรดน้ำยาฆ่าเชื้อ ทำให้มีแมลงวันจำนวนมากบินมาตอมมูลสัตว์เหล่านั้น จนกลายเป็นแหล่งเพาะพันธุ์แมลงวัน และบินออกมาอาละวาดสร้างความเดือดร้อนให้กับชาวบ้าน ซึ่งปกติตลอดทั้งปี ก็จะมีแมลงวันออกมาบินตอมอาหาร สร้างความเดือดร้อนให้กับชาวบ้านอยู่แล้ว แต่ช่วง 1 อาทิตย์ ที่ผ่านมาฝูงแมลงวันออกอาละวาดอย่างหนัก ร้านค้าขายไม่ได้ชาวบ้านนอนไม่หลับเพราะฝูงแมลงวันบินมาตอม ส่วนวัดโคกแดง หมู่ 9 ต.โคกตูม อ.หนองแค จ.สระบุรี เขตติดต่อต่อ ที่ได้รับผลกระทบ พระสิริปัญโญ (พระยอด) อายุ 25 ปี พระลูกวัด กล่าวว่า ช่วงนี้ฝูงแมลงวันออกมาอาละวาดอย่างนัก โดยเฉพาะช่วงวันพระใหญ่ที่ผ่านมาญาตินำอาหารมาทำบุญฝูงแมลง ก็จะมีมากนั่งทำบุญก็ไม่เป็นสุข ต้องคอยนั่งปัดแมลงวันตลอดเวลาแล้ช่วงนี้ ก็ต้องทำความสะอาดทั้งวันส่วนอาหารก็ต้องใช้ผ้าคุมไว้เพื่อป้องกันเชื้อโรคเวลาพระฉันอาหารก็ต้องคอยนั่งปัดเอาเพราะไม่มีวิธีไหนทีาจะช่วยได้ ด้านนางรัตนาวิไล กล่าวต่อว่าตอนนี้ชาวบ้านหมดความอดทนแล้วจึงอยากที่จะวอนขอให้ทุกหน่วยงาน ที่เกี่ยวข้องเข้ามาช่วยกันแก้ปัญหาให้กับชาวบ้าน เพราะถ้าหากปล่อยไว้นานอาจจะส่งผลกระทบต่อความเป็นอยู่ของคนในชุมชนและยังส่งผลกระทบต่อสุขภาพของประชาชนในละแวกดังกล่าวอีกด้วย
