เกาะติดข่าวดาราก่อนใคร

กดติดตาม “ทีวีพูล”

banner

ในช่วงหลังจากที่นายโดนัลด์ ทรัมป์ เข้ารับตำแหน่งประธานาธิบดีสหรัฐฯ คนที่ 47 เมื่อวันที่ 20 มกราคมที่ผ่านมา เขาได้ทำการลงนามในคำสั่งทางการสำคัญถึง 10 ฉบับทันที

ข่าวที่น่าสนใจ

อนุทิน กำชับให้ผู้ว่าราชการจังหวัดทั่วไทย คุมเข้มห้ามเผา

กอร์ดอน แรมซีย์ มาเมืองไทย พร้อมอยากชิม ผัดไทยประตูผี

โดยหนึ่งในคำสั่งที่ได้รับความสนใจจากทั่วโลก คือ การออกคำสั่งให้ไล่พนักงานที่ทำงานในแผนก DEI (Diversity, Equity, and Inclusion หรือ ความหลากหลาย ความเท่าเทียม และการมีส่วนร่วม) ของรัฐบาลกลางออกจากงาน ซึ่งคำสั่งนี้จะมีผลบังคับใช้ภายในวันที่ 24 มกราคม 2025 นี้ โดยพนักงานที่ถูกเลิกจ้างจะได้รับเงินเดือนชดเชยในระหว่างการเลิกจ้าง

คำสั่งที่ออกมานี้เป็นส่วนหนึ่งของนโยบายการยกเลิกโครงการ DEI ที่ทรัมป์ประกาศจะปิดสำนักงานและโปรแกรมต่างๆ ที่เกี่ยวข้องกับ DEI รวมถึงการลบเว็บไซต์และบัญชีโซเชียลมีเดียที่เกี่ยวข้องกับโครงการดังกล่าวทุกช่องทาง ทั้งนี้รัฐบาลยังได้ขอให้หน่วยงานของรัฐบาลกลางจัดทำแผนการเลิกจ้างพนักงานจากแผนก DEI โดยต้องส่งแผนเหล่านี้ให้รัฐบาลกลางในรูปแบบลายลักษณ์อักษรภายในวันที่ 31 มกราคมนี้

การตัดสินใจนี้มีที่มาจากคำสั่งบริหารที่ทรัมป์ลงนามในวันจันทร์ที่ 22 มกราคม เพื่อยุติโครงการ DEI ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของแผนการปรับปรุงโครงสร้างของรัฐบาลในมุมมองของเขา ที่มุ่งเน้นการจ้างงานตามทักษะและความสามารถ โดยไม่คำนึงถึงปัจจัยด้านเชื้อชาติ เพศ หรือสถานะทางสังคม

แคโรไลน์ ลีวิตต์ โฆษกทำเนียบขาวได้ออกแถลงการณ์ว่า “ประธานาธิบดีทรัมป์จะสานต่อนโยบายที่เขาได้เสนอในช่วงหาเสียง เพื่อยุติโครงการที่เน้นการแบ่งแยกและเปลี่ยนแปลงแนวทางการจ้างงานให้เป็นไปตามทักษะและความสามารถอย่างแท้จริง ซึ่งจะทำให้การจ้างงานในรัฐบาลมีความยุติธรรมและโปร่งใสสำหรับทุกกลุ่ม โดยไม่จำเป็นต้องพิจารณาความหลากหลายทางเชื้อชาติหรือเพศ

ในส่วนของการตอบรับคำสั่งนี้ จากมุมมองของผู้สนับสนุนทรัมป์ การตัดสินใจนี้จะช่วยให้รัฐบาลลดความซับซ้อนและภาระค่าใช้จ่ายในการดำเนินงาน พร้อมทั้งช่วยให้โอกาสในการจ้างงานเป็นไปอย่างตรงไปตรงมาและโปร่งใส ขณะที่บางฝ่ายกลับมองว่าการยกเลิกโครงการ DEI อาจสร้างผลกระทบทางสังคมในทางลบ เช่น การลดโอกาสในการยอมรับความหลากหลาย และอาจทำให้กลุ่มที่มีความหลากหลายทางเพศหรือเชื้อชาติได้รับผลกระทบจากการขาดโอกาสในการทำงานภาครัฐ

DEI เป็นแนวคิดที่มุ่งเน้นการส่งเสริมความเท่าเทียมและการสร้างความรู้สึกของการมีส่วนร่วมในสังคม โดยไม่แบ่งแยกตามเชื้อชาติ เพศ หรือสถานะทางสังคม ซึ่งในช่วงหลายปีที่ผ่านมา ได้รับการสนับสนุนอย่างกว้างขวางจากหลายองค์กรและหน่วยงานทั้งในภาครัฐและเอกชน

การยกเลิกโครงการ DEI นี้ถือเป็นการตัดสินใจที่ส่งผลกระทบอย่างใหญ่หลวงต่อโครงสร้างของการทำงานในภาครัฐ ซึ่งเป็นหนึ่งในประเด็นที่ทรัมป์ได้ทำการผลักดันมาตลอด และเชื่อว่าจะเป็นการทำให้การบริหารงานของรัฐบาลมีประสิทธิภาพมากขึ้นในอนาคต อย่างไรก็ตาม การตอบรับจากสาธารณชนและนักวิจารณ์ยังคงเป็นเรื่องที่ต้องจับตาต่อไป.