เกาะติดข่าวดาราก่อนใคร

กดติดตาม “ทีวีพูล”

banner

ประเด็นร้อนแท็กซี่สาธารณะขอให้รัฐบาลยกเลิกแอปเรียกรถยังคงระอุ ล่าสุด นายวรพล แกมขุนทด นายกสมาคมวิชาชีพผู้ขับขี่รถยนต์สาธารณะแท็กซี่ จุดไฟให้ดราม่าลุกโชนอีกครั้ง เมื่อออกมาให้ทัศนะสุดปัง (หรือพัง?) ว่า อาชีพคนขับแท็กซี่ก็เหมือนนักธุรกิจ ย่อมมีสิทธิ์เลือกลูกค้า หากดูแล้วไม่คุ้มค่าบริการ

ทนายเกิดผล แก้วเกิด ไม่ปล่อยให้ลอยนวล ออกมาตอกกลับความคิดเห็นของนายกสมาคมแท็กซี่แบบทันควัน โดยชี้แจงข้อกฎหมายให้ฟังชัด ๆ ว่า “การปฎิเสธผู้โดยสาร การทอดทิ้งผู้โดยสาร การพาผู้โดยสารอ้อม ผิดกฎหมายทั้วนั้น เป็นถึงนายกฯ ไม่รู้เรื่องเลยเหรอครับ”

ทนายเกิดผลยังตั้งคำถามแรง ๆ ไปยังนายวรพลด้วยว่า ในฐานะที่เป็นถึงนายกสมาคมฯ เหตุใดถึงไม่ทราบข้อกฎหมายพื้นฐานเหล่านี้? เท่านั้นไม่พอ ทนายคนดังยังโพสต์ข้อความเหน็บแนมตามมาอีกว่า “คำพูดของนายกสมาคมแท็กซี่ฟังดูเหมือนจะหลักแหลม แต่การนิ่งเงียบอาจจะทำให้ดูฉลาดกว่านี้เยอะ!”

ก่อนหน้านี้ เมื่อวันที่ 20 และ 21 พฤษภาคม ที่ผ่านมา กลุ่มผู้ขับขี่รถแท็กซี่ พร้อมรถแท็กซี่กว่า 50 คัน ได้รวมตัวกันไปปักหลักชุมนุมกันที่หน้าประตู 5 ทำเนียบรัฐบาล (ตรงข้ามกระทรวงศึกษาธิการ) เพื่อยื่นข้อเรียกร้องให้นายกรัฐมนตรี นางสาวแพทองธาร ชินวัตร และ นายสุริยะ จึงรุ่งเรืองกิจ รองนายกฯ และ รมว.คมนาคม ให้รีบดำเนินการแก้ไขปัญหาสร้างความเป็นธรรมให้พี่น้องแท็กซี่ โดยข้อเรียกร้องหลักคือ

ขอให้ยกเลิกกฎกระทรวงสองฉบับ ได้แก่ กฎกระทรวงว่าด้วยรถยนต์รับจ้างฯ พ.ศ.2560 และกฎกระทรวงว่าด้วยรถยนต์รับจ้างผ่านระบบอิเล็กทรอนิกส์ พ.ศ. 2564 โดยอ้างว่ากฎหมายทั้งสองฉบับนี้มันเอื้อประโยชน์ให้กับกลุ่มนายทุนและผู้ให้บริการแอปเรียกรถอย่าง Grab มากเกินไป

นายวรพลให้เหตุผลในการชุมนุมครั้งนั้นว่า การที่รัฐบาลไฟเขียวให้ Grab ไปตั้งจุดรับ-ส่งผู้โดยสารภายในสนามบินสุวรรณภูมิ ทำให้แท็กซี่มิเตอร์เสียเปรียบอย่างหนัก เพราะจำนวนรถในระบบแอปฯ มันเยอะกว่า ทั้งยังมองว่ารัฐบาลกำลังทำลายระบบรถรับจ้างสาธารณะด้วยโครงการซอฟต์พาวเวอร์ที่เปิดให้มีการค้าเสรีและการใช้แอปพลิเคชันอย่างเสรี

นายวรพลถึงกับกล่าวหาแรงว่า หากรัฐบาลเลือก Grab ซึ่งไม่ใช่บริษัทของคนไทย ก็ถือเป็นการขายชาติ พร้อมขู่ทิ้งท้ายว่า หากการเจรจาไม่เป็นผล จะยกระดับการชุมนุมถึงขั้นปิดทางเข้า-ออกสนามบินสุวรรณภูมิ เพื่อสร้างความวุ่นวายกดดันรัฐบาลกันเลยทีเดียว ความขัดแย้งระหว่างกลุ่มแท็กซี่ดั้งเดิมและผู้ให้บริการผ่านแอปฯ ยังคงเป็นมหากาพย์ที่รอการแก้ไขอย่างจริงจังจากภาครัฐต่อไป