กลายเป็นประเด็นร้อนแรงในโลกออนไลน์อีกครั้งสำหรับปัญหาการให้บริการของรถแท็กซี่ในประเทศไทย หลังผู้ใช้เฟซบุ๊กชื่อ Ketmanee Bualuang ได้ออกมาเปิดเผยประสบการณ์สุดอึ้ง
ข่าวที่น่าสนใจ
สลด!! รุ่นพี่ ม.5 แค้นฝังใจ จ้วงรุ่นน้อง ม.4 บาดเจ็บสาหัส ปมหึงหวงอดีตแฟนสาว
ช็อกนางเอก MV ดัง ถูกลูกตำรวจ อดีตแฟน ทำร้ายสาหัส! แฉไทม์ไลน์สุดโหด!
เมื่อเธอตัดสินใจทดลองปลอมตัวเป็นนักท่องเที่ยวชาวต่างชาติ เพื่อเรียกรถแท็กซี่จากจุดหนึ่งไปยังสยามสแควร์ ซึ่งมีระยะทางประมาณ 10 กิโลเมตร แต่กลับต้องเผชิญกับการถูกเรียกค่าโดยสารแบบเหมาทุกคัน ในราคาที่สูงกว่าการเรียกผ่านแอปพลิเคชันอย่างเห็นได้ชัด โดยราคาสูงสุดที่เธอถูกเรียกนั้นสูงถึง 700 บาท
การทดลองดังกล่าวเกิดขึ้นท่ามกลางกระแสความขัดแย้งระหว่างกลุ่มผู้ขับขี่รถแท็กซี่สาธารณะและผู้ให้บริการแอปพลิเคชันเรียกรถโดยสาร ที่กำลังเป็นประเด็นถกเถียงอย่างกว้างขวางในสังคม ก่อนหน้านี้ กลุ่มแท็กซี่ได้รวมตัวกันไปยื่นหนังสือเรียกร้องต่อทำเนียบรัฐบาล เพื่อขอให้รัฐบาลเข้ามาแก้ไขปัญหาและสร้างความเป็นธรรมให้กับผู้ประกอบอาชีพแท็กซี่ โดยมองว่าการที่รัฐบาลอนุญาตให้ผู้ขับขี่รถยนต์ในแอปพลิเคชัน Grab สามารถจัดตั้งจุดรับส่งผู้โดยสารในสนามบินสุวรรณภูมิได้นั้น ทำให้ผู้ขับขี่แท็กซี่เสียเปรียบ เนื่องจากปัจจุบันผู้โดยสารนิยมหันไปใช้บริการผ่านแพลตฟอร์มออนไลน์มากขึ้น
ในขณะที่กลุ่มแท็กซี่ออกมาเรียกร้องความเป็นธรรม ผู้ใช้งานโซเชียลมีเดียจำนวนไม่น้อยกลับแสดงความคิดเห็นว่า การเลือกใช้บริการรถโดยสารเป็นสิทธิ์ของผู้บริโภค และยังมีการพูดถึงปัญหาที่ผู้โดยสารมักพบเจอจากรถแท็กซี่ เช่น การปฏิเสธผู้โดยสารในบางเส้นทาง หรือการเรียกเก็บค่าโดยสารแบบเหมาโดยไม่กดมิเตอร์ ซึ่งเป็นสิ่งที่สร้างความไม่พอใจและส่งผลกระทบต่อความเชื่อมั่นในการใช้บริการรถแท็กซี่มาโดยตลอด
ล่าสุด เรื่องราวการทดลองของ Ketmanee Bualuang ได้ตอกย้ำปัญหาดังกล่าวให้ชัดเจนยิ่งขึ้น โดยเธอระบุว่า แท็กซี่คันแรกที่เธอเรียกได้เสนอราคาเหมาที่ 200 บาท คันต่อมาเสนอราคา 300 บาท และที่น่าตกใจที่สุดคือแท็กซี่คันสุดท้ายได้เรียกค่าโดยสารสูงถึง 700 บาท สำหรับระยะทางเพียง 10 กิโลเมตร ซึ่งเป็นราคาที่แพงกว่าการเรียกใช้บริการผ่านแอปพลิเคชันอย่างมาก
ประสบการณ์ครั้งนี้ได้จุดประกายให้เกิดการวิพากษ์วิจารณ์อย่างหนักในโลกออนไลน์ ถึงมาตรฐานการให้บริการและความโปร่งใสของรถแท็กซี่บางส่วน พร้อมทั้งมีการเรียกร้องให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องเข้ามาตรวจสอบและแก้ไขปัญหาอย่างจริงจัง เพื่อสร้างความเชื่อมั่นให้กับทั้งผู้ใช้บริการชาวไทยและนักท่องเที่ยวชาวต่างชาติ รวมถึงสร้างความเป็นธรรมให้กับผู้ประกอบอาชีพรถโดยสารสาธารณะทุกกลุ่มอย่างยั่งยืน