(17 มิ.ย. 68) กรณีการจากไปของ น.ส.อนุสรา หรือ “ครูมัท” อายุ 39 ปี ข้าราชการครูโรงเรียนแห่งหนึ่งใน อ.ชำนิ จ.บุรีรัมย์ สร้างความสะเทือนใจและจุดประเด็นวิพากษ์วิจารณ์ถึงภาระงานของครูไทยอย่างกว้างขวาง โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อมีการเปิดเผย “จดหมายลา” ที่ครูมัทเขียนทิ้งไว้ ซึ่งระบุถึงความตึงเครียดจากระบบการทำงานที่ต้องแบกรับหน้าที่มากมายเกินกว่าบทบาทของครูผู้สอน
ข่าวที่น่าสนใจ
รู้ยัง?! ถุงยางอนามัยไม่ใช่พลาสติก! มาจาก 3 วัสดุธรรมชาติ ป้องกันโรคได้จึ้ง แถมรักษ์โลกด้วย!
สุดเอ็นดู!! ทหารใหม่น้ำตาแตกซบพี่รุ่นพี่เพราะกลัวเข็ม แต่รอยสักเต็มแขน ทำชาวเน็ตแห่ชื่นชมรุ่นพี่ทหารยิ้มละลายมากค่ะ
จากจดหมายของครูมัท เธอได้ระบายถึงปัญหาที่เผชิญ ทั้งการทำงานที่ไร้ประสิทธิภาพและไร้ระบบภายในโรงเรียน การเบิกจ่ายเงินที่ทำก่อนแล้วค่อยมาเคลียร์เอกสารทีหลังโดยไม่มีใครช่วยดูแล รวมถึงอาการไมเกรนที่เป็นอยู่เกือบทุกวัน นอกจากนี้ ครูมัทยังกล่าวถึงผู้อำนวยการโรงเรียนที่ย้ายมาแต่ละคนซึ่งไม่เคร่งครัด ไร้ความรู้ด้านการเงิน และใช้จ่ายเงินไม่ถูกต้อง แต่เมื่อเกิดความผิดพลาดขึ้นกลับอ้างว่าเธอเป็นคนทำ
ล่าสุด น.ส.อทิตยา อายุ 42 ปี พี่สาวของ “ครูมัท” ได้ออกมาเปิดใจทั้งน้ำตาถึงความรู้สึกที่ไม่คาดคิดว่าเหตุการณ์เช่นนี้จะเกิดขึ้นกับน้องสาว เธอกล่าวว่า ที่ผ่านมาน้องสาวไม่เคยบ่นหรือระบายปัญหาเรื่องงานให้คนในครอบครัวฟังเลย แม้จะเห็นน้องนั่งทำงานดึกดื่นเป็นประจำ เธอกลับคิดชื่นชมว่าน้องสาวเป็นคนขยัน กระทั่งวันที่น้องสาวตัดสินใจจากไปและทิ้งจดหมายลาไว้ ซึ่งเนื้อหาในจดหมายทำให้พี่สาวสุดแสนสงสารและเข้าใจว่าน้องสาวคงเครียดมากจริงๆ กับภาระหน้าที่ที่ได้รับมอบหมายมากมายนอกเหนือจากการสอนปกติ
น.ส.อทิตยา ร่ำไห้พร้อมกับกล่าวความต้องการอันเจ็บปวดว่า “อยากให้น้องเป็นคนสุดท้ายที่ต้องเลือกจบชีวิตกับเหตุการณ์ลักษณะนี้” เธอเชื่อว่าการเลือกจบชีวิตของน้องสาวครั้งนี้ ถือเป็นการเสียสละเพื่อเป็นตัวแทนครูอีกหลายคนที่ต้องแบกรับภาระหน้าที่นอกเหนือจากครูผู้สอนอย่างหนักหน่วง สิ่งที่เกิดขึ้นกับครูมัทจึงเป็นเหมือนเสียงสะท้อนจากปลายปากกาที่หวังจะปลุกให้สังคมและผู้มีอำนาจในกระทรวงศึกษาธิการหันมาใส่ใจและแก้ไขปัญหาเหล่านี้อย่างจริงจัง เพื่อไม่ให้โศกนาฏกรรมเช่นนี้เกิดขึ้นกับครูคนอื่นๆ อีก
การจากไปของครูมัทในครั้งนี้ ตอกย้ำให้เห็นถึงปัญหาระบบการศึกษาที่ซับซ้อนและภาระงานที่หนักอึ้งของครูไทย ซึ่งไม่ได้มีเพียงหน้าที่ในการสอนเท่านั้น แต่ยังต้องรับผิดชอบงานธุรการ งานการเงิน และงานอื่นๆ ที่ไม่เกี่ยวข้องกับการเรียนการสอนโดยตรง ทำให้ครูต้องเผชิญกับความเครียดและภาวะกดดันอย่างหนัก ซึ่งอาจส่งผลกระทบต่อสุขภาพกายและใจ รวมถึงประสิทธิภาพในการจัดการเรียนการสอนในที่สุด