วันที่ 28 มิถุนายน 2568 – สม รังสี อดีตผู้นำฝ่ายค้านกัมพูชา ซึ่งลี้ภัยอยู่ในฝรั่งเศส ออกแถลงการณ์วิจารณ์อย่างรุนแรงต่อท่าทีของ สมเด็จฮุน เซน อดีตนายกรัฐมนตรีและผู้นำตัวจริงของกัมพูชาในปัจจุบัน ที่ออกมาโจมตีประเทศไทย โดยชี้ว่าเบื้องหลังของความโกรธครั้งนี้ ไม่ใช่เพราะ “รักชาติ” แต่เป็นเพราะ “หวาดกลัว” ต่อการล่มสลายของระบอบที่ตนสร้างไว้
โจมตีไทย = เบี่ยงเบนความสนใจ
สม รังสี ระบุในแถลงการณ์ว่า ฮุน เซน กำลังตื่นตระหนกกับความพยายามของไทยในการกวาดล้างเครือข่ายอาชญากรรมข้ามชาติ โดยเฉพาะกลุ่มมาเฟียจีนที่ดำเนินกิจกรรม “ไซเบอร์สแกม” ตามแนวชายแดน ซึ่งกลายเป็นแหล่งรายได้สำคัญที่หล่อเลี้ยงระบอบฮุนเซนมาหลายปี
“ความโกรธของฮุนเซนที่แสดงออกต่อไทย เป็นเพียงฉากบังหน้า สิ่งที่เขาหวั่นกลัวจริงๆ คือการล่มสลายของเครือข่ายผิดกฎหมายที่สร้างรายได้ให้รัฐบาลพนมเปญกว่า 1.2 หมื่นล้านดอลลาร์ต่อปี หรือเกือบครึ่งหนึ่งของ GDP กัมพูชา” – สม รังสี
ขบวนการไซเบอร์ ภายใต้ร่มเงารัฐบาล
ในแถลงการณ์ สม รังสี ระบุว่า ขบวนการอาชญากรรมเหล่านี้ได้รับการ “คุ้มครองโดยผู้มีอิทธิพลในรัฐบาลกัมพูชา” รวมถึงสมาชิกครอบครัวของฮุน เซน เอง เมื่อรายได้จากทรัพยากรธรรมชาติและสัมปทานเริ่มลดลงเพราะการคอร์รัปช์ รัฐบาลจึงหันไปพึ่งพาแหล่งรายได้ผิดกฎหมายมากขึ้น ซึ่งการปราบปรามของทางการไทยถือเป็น “ภัยคุกคามโดยตรง” ต่อฐานะทางการเงินของระบอบฮุนเซน
ใช้ “ชาตินิยม” เป็นเกราะกำบัง
สม รังสี ยังยกเหตุการณ์ในอดีตมายืนยันว่า กลยุทธ์การปลุกกระแสชาตินิยมเพื่อเบี่ยงเบนความไม่พอใจในประเทศ ไม่ใช่เรื่องใหม่ โดยย้อนถึงปี 2003 ที่ฮุน เซน ปลุกกระแสต่อต้านไทยจากข่าวลือเกี่ยวกับดาราสาวไทย และปี 2011 กับกรณีข้อพิพาทปราสาทพระวิหาร
“ทั้งสองเหตุการณ์เป็นแบบอย่างของการใช้กระแสชาตินิยมกลบจุดอ่อนทางการเมือง และในวันนี้ก็ยังคงใช้วิธีเดิมอีกครั้ง” – สม รังสี
เรียกร้องนานาชาติร่วมรื้อเครือข่ายทุจริต
ท้ายแถลงการณ์ สม รังสี เรียกร้องประชาคมโลกให้ร่วมกันสนับสนุนการรื้อถอนโครงสร้างอาชญากรรมข้ามชาติที่กำลังค้ำจุนระบอบฮุนเซน แม้การกระทำนี้จะส่งผลกระทบต่อสถานะทางการเมืองในกรุงพนมเปญก็ตาม
“นี่ไม่ใช่การต่อสู้เรื่องอธิปไตย หากแต่เป็นการต่อสู้เพื่อคงอยู่ของระบอบที่พัวพันกับการทุจริตและอาชญากรรมระดับนานาชาติ” – สม รังสี
ข่าวที่น่าสนใจ
แพทย์โรงพยาบาลดังหนองคาย ยกพวกทำร้ายปลัดอำเภอ – ชมรมปลัดฯ ประณามพฤติกรรมไร้วุฒิภาวะ