ความคืบหน้าผู้ก่อเหตุชิงเงิน 3.4 ล้านบาท กลางห้างสรรพสินค้าย่านลาดพร้าวเมื่อวานนี้ ล่าสุดตำรวจทราบตัวผู้ก่อเหตุทั้ง 7 คนแล้ว อยู่ระหว่างขอศาลอาญาอนุมัติหมายจับ เบื้องต้นจับกุมผู้ก่อเหตุได้แล้ว 2 คน ทำหน้าที่เป็นเอเยนต์ โดยพลตำรวจโทสยาม บุญสม ผู้บัญชาการตำรวจนครบาล และ พลตำรวจตรีนพศิลป์ พูลสวัสดิ์ รองผู้บัญชาการตำรวจนครบาล ประชุมความคืบหน้าของคดีดังกล่าวที่ สน.พหลโยธิน โดยใช้เวลาประชุมนานเกือบ 2 ชั่วโมง
หลังเสร็จประชุม พลตำรวจโทสยาม เปิดเผยความคืบหน้าว่า เมื่อคืนชุดสืบสวนสอบสวนได้ติดตามกลุ่มผู้ก่อเหตุ สามารถจับกุมได้ 2 คน คือ นายเฌอพัชญ์ หรือหวาน และนางสาวนานา โดยจับกุมได้ที่รีสอร์ตแห่งหนึ่งย่านลาดหลุมแก้ว จ.ปทุมธานี เบื้องต้นทราบว่าผู้ต้องหา 2 คน ทำหน้าที่เป็นเอเยนต์ ติดต่อผู้เสียหายผ่านช่องทางออนไลน์ และนัดหมายสถานที่ในการแลกเงิน เมื่อผู้เสียหายมาตามนัด นายเฌอพัชญ์ จะล่อลวงผู้เสียหายไปที่รถ ซึ่งมีกลุ่มผู้ก่อเหตุรออยู่ในรถแล้ว หลังจากนั้นได้ชิงเงินและหลบหนีไป
หลังจับกุมตัวผู้ต้องหาทั้ง 2 คน ชุดสืบสวนได้นำตัวไปค้นที่รีสอร์ตย่านลาดหลุมแก้ว พบเงินสด 1.9 ล้านบาท พร้อมยึดสมุดบัญชีธนาคารและบัตรประจำตัวของผู้เสียหายคนอื่น ๆ ที่เคยแจ้งความไว้ที่ สน.โคกคราม ส่วนเงินที่เหลืออยู่กับผู้ต้องหาอีก 5 คน ที่ตำรวจอยู่ระหว่างรวบรวมพยานหลักฐาน เพื่อขอศาลออกหมายจับ ขณะที่ฝ่ายสืบสวนอยู่ระหว่างติดตามตัวผู้ต้องหาที่เหลือมาดำเนินคดี
สำหรับพฤติการณ์ระหว่างผู้เสียหาย และเอเยนต์ ก่อนหน้านี้เคยทดลองซื้อขายคริปโตกันมาแล้ว 2 ครั้ง ครั้งแรก 2 แสนบาท ครั้งที่ 2 สามแสนบาท ซึ่งครั้งนี้เป็นการซื้อขายครั้งที่ 3 ผู้เสียหายได้เพิ่มเงินจากหลักแสนเป็นหลักล้านเพราะเชื่อใจ อีกทั้งการแลกเปลี่ยนเป็นเงินจำนวนมากจะได้กำไรเพิ่มขึ้นอีก 60,000 บาท
จากการตรวจสอบประวัติอาชญากรรมพบว่าผู้ต้องหาหลายคน มีประวัติเรื่องการลักทรัพย์ ปล้นทรัพย์ ยาเสพติด และอีกหลายคดี ส่วนนายเฌอพัชญ์ และนางสาวนานา มีคดีกรรโชกทรัพย์ ซึ่งเป็นหมายค้างเก่าในพื้นที่ สน.โคกคราม และยังพบว่ากลุ่มผู้ต้องหารู้จักกัน จากการเสพยาเสพติด และเช่าที่พักอาศัยอยู่ด้วยกัน และเงินที่พบที่รีสอร์ทเป็นเงินส่วนหนึ่งจากการกระทำผิด
เบื้องต้นเข้าข่ายความผิด 1 ข้อหา คือร่วมกันปล้นทรัพย์ชิงทรัพย์ ส่วนข้อหาอื่น ๆ อยู่ระหว่างพิจารณาแจ้งข้อกล่าวหาเพิ่มเติมในภายหลัง