วันที่ 9 กรกฎาคม 2568 เวลา 09.32 น. ที่รัฐสภา น.ส.แพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงวัฒนธรรม ในฐานะหัวหน้าพรรคเพื่อไทย ให้สัมภาษณ์ตอบโต้กรณีที่นายอนุทิน ชาญวีรกูล อดีตรองนายกรัฐมนตรีและอดีตรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊กอ้างว่า ประธานาธิบดีสี จิ้นผิง ของจีน ได้เตือนรัฐบาลไทยถึง 3 ครั้ง ให้ยกเลิกนโยบายเอนเตอร์เทนเมนต์คอมเพล็กซ์ พร้อมขู่ปรับมาตรการด้านการท่องเที่ยว หากไทยยังเดินหน้าต่อ
น.ส.แพทองธารกล่าวว่า ขณะเดินทางเยือนประเทศจีนอย่างเป็นทางการ ได้อธิบายกับผู้นำจีนอย่างชัดเจนว่า โครงการเอนเตอร์เทนเมนต์คอมเพล็กซ์ไม่ใช่การเปิดเสรีกาสิโน เพราะกาสิโนเป็นเพียง 10% ของโครงการทั้งหมด อีกทั้งได้ยกตัวอย่างประเทศอย่างสิงคโปร์ที่ดำเนินการสำเร็จ
“ท่านประธานาธิบดีสี จิ้นผิง เพียงแสดงความไม่สนับสนุนเรื่องกาสิโนเท่านั้น ไม่ได้มีการขู่ หรือพูดว่าจะมีการปรับมาตรการด้านนักท่องเที่ยวอย่างที่กล่าวอ้าง และเรายังถามกลับว่ามีข้อแนะนำเพิ่มเติมอะไรอีกหรือไม่ พร้อมรับฟังเสมอ” แพทองธารกล่าว
เมื่อผู้สื่อข่าวถามถึงข้อกล่าวหาที่ว่า จำนวนนักท่องเที่ยวจีนลดลงถึง 90% เพราะนโยบายดังกล่าว น.ส.แพทองธารตั้งคำถามกลับว่า “หมายความว่าเกิดขึ้นแล้วหรอคะ นักท่องเที่ยว 90% หายไป?” ก่อนระบุว่า ตัวเลขที่แท้จริงคือช่วงโลว์ซีซั่นนักท่องเที่ยวจีนลดลงประมาณ 20–30% และมีนักท่องเที่ยวยุโรปเพิ่มขึ้นทดแทน โดยชี้ว่าเหตุผลหลักที่นักท่องเที่ยวจีนลดลง มาจากปัญหาความปลอดภัยในประเทศ ซึ่งเป็นหน้าที่ของกระทรวงมหาดไทยดูแล
“สาเหตุที่คนจีนไม่เข้ามาเพราะปัญหาความปลอดภัย ไม่ว่าจะเรื่องคอลเซ็นเตอร์ เรื่องตัดน้ำตัดไฟ ตัดยาก ต้องสั่งหลายครั้ง แล้วท่านอดีต มท.1 ออกไปไม่นาน ลืมไปแล้วหรือว่าเกิดอะไรขึ้น” แพทองธารระบุ
ในช่วงท้ายของการให้สัมภาษณ์ เมื่อถูกถามว่าท้ายที่สุดจะถอนร่าง พ.ร.บ.เอนเตอร์เทนเมนต์คอมเพล็กซ์หรือไม่ น.ส.แพทองธารตอบว่า จะเป็นไปตามมติของสภาฯ และขอไม่ตอบบางประเด็นที่ไม่เกี่ยวกับหน้าที่ในปัจจุบัน เพื่อให้เกิดความเคารพในบทบาทหน้าที่
พร้อมกันนี้ น.ส.แพทองธารยังตั้งข้อสังเกตถึงการออกมาให้ข้อมูลของนายอนุทินในช่วงเวลานี้ว่า “ให้ประชาชนดูเองก็แล้วกันว่าทำไมถึงเพิ่งมาแฉตอนนี้ ทั้งที่รู้กันอยู่แล้วว่าโครงการนี้มีปัญหากับพรรคภูมิใจไทยตั้งแต่ต้น เพราะไม่อยากให้เป็นกฎหมายพิเศษ และไม่ต้องการให้มีกาสิโน แล้วแบบนี้ใครจะมาลงทุน?”
การตอบโต้ของนายกรัฐมนตรีในครั้งนี้ แสดงจุดยืนชัดเจนต่อความเข้าใจคลาดเคลื่อนในประเด็นระหว่างประเทศ และสะท้อนความตึงเครียดทางการเมืองระหว่างพรรคเพื่อไทยและพรรคภูมิใจไทยที่ยังคงดำเนินต่อไป.
ข่าวทีน่่าสนใจ