วันที่ 25 ส.ค. 68 ในการแถลงข่าวสถานการณ์ไทย-กัมพูชารอบ 07.00 น. ของฝ่ายกัมพูชา เพ็ญ โบนา รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรีในฐานะโฆษกรัฐบาลกัมพูชา ได้กล่าวในช่วงหนึ่งว่า ตลอด 500 ปีที่ผ่านมา มีเพียงในช่วงยุคของ ฮุน เซน และฮุน มาเนต เท่านั้น ที่กัมพูชามีพัฒนาการกว่าที่เคย
เพ็ญ โบนา กล่าวว่า “ในช่วง 500 ปีที่ผ่านมาของประวัติศาสตร์สมัยใหม่ นับตั้งแต่ยุคเมืองพระนคร (ยุคอังกอร์) กัมพูชาในยุค ฮุน เซน และฮุน มาเนต ได้พัฒนาและเติบโตอย่างก้าวกระโดดกว่าที่เคยเป็นมา”
เพ็ญ โบนา กล่าวอีกว่า ในช่วงยุค ฮุน เซน และฮุน มาเนต กัมพูชาได้ประสบกับสันติภาพและเสถียรภาพที่มากขึ้นกว่าที่เคยเป็นมา กัมพูชามีโครงสร้างพื้นฐานที่ดี ทำให้ประชาชนเดินทางได้สะดวกและรวดเร็วกว่าที่เคยเป็นมา
นอกจากนี้ กัมพูชายังมีระบบคมนาคมขนส่งที่ทันสมัยและอุดมสมบูรณ์ เด็ก ๆ ชาวกัมพูชายังมีโอกาสได้ศึกษาเล่าเรียน ไปต่างประเทศ และมีความสุขมากขึ้นกว่าที่เคยเป็นมา
โฆษกของรัฐบาลกัมพูชาอ้างว่า ทั้งหมดนี้เป็นข้อเท็จจริงที่สามารถตรวจสอบได้ และไม่มีใครปฏิเสธสิ่งที่กัมพูชาเป็นอยู่ในปัจจุบันได้
เพ็ญ โบนา บอกว่า “หากเราพิจารณาข้อเท็จจริงเหล่านี้ เราจะเข้าใจคุณค่าของสันติภาพและคุณค่าของการเสียสละของบิดาผู้ก่อตั้งประเทศและผู้สร้างสันติภาพ สมเด็จ ฮุน เซน ได้ทันที”
เขาเสริมว่า “นี่คือเหตุผลที่ทำไมรัฐบาลภายใต้การนำของ ฮุน มาเนต จึงอุทิศตนเพื่อปกป้องสันติภาพไม่ว่าจะต้องแลกด้วยอะไรก็ตาม ประชาชนชาวกัมพูชาส่วนใหญ่ทั้งในและต่างประเทศ รวมถึงพระภิกษุสงฆ์และชาวกัมพูชาที่นับถือศาสนาอื่น ๆ ต่างเข้าใจคุณค่านี้เป็นอย่างดี และยืนหยัดปกป้องสันติภาพและอุดมการณ์ของรัฐบาลด้วยความทุ่มเท เพราะพวกเขาเข้าใจดีว่านี่เป็นโอกาสอันหาได้ยากยิ่งสำหรับกัมพูชาที่จะได้สัมผัสกับสันติภาพโดยสมบูรณ์ดังเช่นในปัจจุบัน”
ขณะที่ในด้านการปกป้องอธิปไตยและบูรณภาพแห่งดินแดน มีเพียงรัฐบาลภายใต้การนำของ ฮุน เซน อดีตนายกรัฐมนตรี และฮุน มาเนต นายกรัฐมนตรีคนปัจจุบันเท่านั้น ที่สามารถสร้างเส้นเขตแดนที่แม่นยำที่สุดผ่านการเจรจาแบ่งเขตแดนอย่างสันติกับประเทศเพื่อนบ้าน และได้สร้างถนนวงแหวนชายแดนที่ยาวที่สุดเท่าที่เคยมีมา
เพ็ญ โบนา กล่าวว่า ความสำเร็จที่ไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อนนี้เป็นผลงานของรัฐบาลแห่งพรรคประชาชนกัมพูชา ในความพยายามที่จะปกป้องบูรณภาพแห่งดินแดนของประเทศเพื่อชาวกัมพูชารุ่นต่อไปในอนาคต นี่เป็นความจริงทางประวัติศาสตร์ที่พิสูจน์ได้ และไม่มีใครปฏิเสธได้