วันที่ 10 สิงหาคม 2568 ผู้สื่อข่าวรายงานว่า หลังจากการประชุมคณะกรรมการชายแดนทั่วไป ไทย-กัมพูชา หรือ GBC สมัยพิเศษ ครั้งที่ 1/2568 ระหว่างไทยกับกัมพูชา ที่จัดขึ้นที่ จ.เกาะกง ประเทศกัมพูชา โดยพบ 2 ในข้อตกลงที่เห็นชอบร่วมกันจากหลายๆ ข้อ คือ 1. การถอนอาวุธหนักและยุทโธปกรณ์ทำลายล้างสูงออกจากพื้นที่ชายแดน กลับสู่ที่ตั้งปกติ โดยฝ่ายเลขานุการจีบีซี และอาร์บีซี จะหารือกันภายใน 3 สัปดาห์ เพื่อจัดทำแผนดำเนินการและเริ่มเคลื่อนย้ายกำลังตามกรอบเวลาที่กำหนด โดยให้คณะผู้สังเกตการณ์ (IOT) มาร่วมสังเกตการณ์ และ 5. หารือการผ่อนปรนผ่านแดนบางประเภท บางจุด และระหว่างที่สถานการณ์ไม่เป็นปกติ เพื่อลดผลกระทบภาคธุรกิจ การขนส่งข้ามแดน โดยมอบหมายให้กลไกอาร์บีซี ไปหารือความเป็นไปได้ ในการอนุญาตให้มีการขนส่งสินค้าในจุดผ่านแดนบางจุดที่ไม่มีปัญหาด้านความมั่นคง โดยอาจเริ่มดำเนินการที่จุดผ่านแดนถาวรจันทบุรีและตราด ตามที่เป็นข่าวไปแล้วนั้น
ล่าสุดช่วงเย็นวันเดียวกันนี้ ผู้สื่อข่าวได้ลงพื้นที่ไปยัง ย่านการค้าชายแดนช่องจอม ต.ด่าน อ.กาบเชิง จ.สุรินทร์ เพื่อสอบถามความคิดเห็นจากประชาชนในพื้นที่ชายแดน พบกับนายอุทัย สมสุข พ่อค้าขายไก่ย่างข้างทาง กล่าวว่า ปราสาทตาควายเรายังไม่ได้คืนเลย แล้วจะมาเปิดด่าน ซึ่งชาวบ้านชายแดนช่องจอมก็ยังไม่ได้อยากให้เปิด เพราะยังไม่สงบ อยากให้เอาตาควายคืน ทำไมยอมง่าย อยากได้ตาควายคืน อย่าเพิ่งเปิดด่าน ถ้าเรานำสินค้าออกไปให้เขา เขาก็มีแรงต่อสู้เราอีก เขาก็แบนสินค้าเราอยู่ ทำไมเราจะอยากเปิดด่านให้เขา เมื่อเปิดด่าน เขาก็จะนำทหารเขาที่บาดเจ็บเข้ามารักษาที่บ้านเรา แล้วคนไทยจะคิดยังไง มีทั้งคนล้มตายกี่คน อยากให้จัดการดินแดนปราสาทตาควายให้เรียบร้อยก่อนค่อยเปิด
ส่วนที่นายกกัมพูชา ฮุน มาเนต ส่งหนังสือแสดงความยินดีนายกรัฐมนตรีอนุทิน ชาญวีรกูล อาจจะเป็นเกมการเมืองเขา ทำไมเขาถึงมายินดี ประชุมกันปุ๊บ ก็จะเปิดด่านปั๊บเลย หรือให้ฉีกสัญญา ฉีก MOU ให้หมดก่อน และร่าง MOU ใหม่เข้ามา ไม่อย่างนั้นก็จะมีปัญหาอยู่เหมือนเดิม ชาวบ้านก็พร้อมอพยพทุกเมื่อ หากรัฐบาลหรือทหารสั่ง เรามีโอกาสเอาแผ่นดินเราคืนทุกจุดก็ทำเลย อย่าเกรงใจ เกรงใจแบบนี้ก็เสียเปรียบ เขาก็มีโอกาสที่จะมาเอาปราสาทตาเมือนธม เขาก็เสริมกำลังเข้ามามากด้วย รัฐบาลจะคิดยังไง ถ้าไม่จัดการให้เรียบร้อยชาวบ้านชายแดนก็อยู่กันแบบนี้ คนก็ไม่มาเที่ยวมาซื้อของ อยู่อย่างหวาดผวาแบบนี้