
พายุไต้ฝุ่น “คัลแมกี” (Kalmaegi) ได้พัดถล่มพื้นที่ภาคกลางของฟิลิปปินส์อย่างรุนแรง โดยเฉพาะที่จังหวัดเซบู ส่งผลให้เกิดอุทกภัยฉับพลันและดินถล่มครั้งใหญ่ ล่าสุดยอดผู้เสียชีวิตที่ได้รับการยืนยันแล้ว พุ่งสูงถึง 66 ราย ในจำนวนผู้เสียชีวิต 66 รายนั้น 49 ราย อยู่ในจังหวัดเซบู ซึ่งเป็นพื้นที่ที่ได้รับผลกระทบหนักที่สุด นอกจากนี้ ยังมีผู้สูญหายอีกอย่างน้อย 26 คน
ขณะนี้ทางการฟิลิปปินส์ได้ประกาศ “ภาวะภัยพิบัติ” (State of Calamity) ในจังหวัดเซบูแล้ว เพื่อเร่งรัดการให้ความช่วยเหลือได้อย่างเต็มที่ สำหรับการค้นหาผู้สูญหาย และเยียวยาประชาชนในพื้นที่
อิทธิพลของพายุทำให้เกิดฝนตกหนักอย่างไม่เคยมีมาก่อน จนเกิดน้ำท่วมฉับพลันรุนแรง กระแสน้ำได้พัดพารถยนต์และตู้คอนเทนเนอร์ขนาดใหญ่ไปตามท้องถนน ประชาชนหลายพันคนต้องอพยพหนีน้ำขึ้นไปอยู่บนหลังคาบ้านเรือน
ล่าสุด พายุไต้ฝุ่นกำลังเคลื่อนตัวผ่้านทะเลจีนใต้ และคาดการณ์ว่าจะขึ้นฝั่งที่เวียดนาม ซึ่งขณะนี้มีรายงานว่าทางตอนกลางของเวียดนามได้เกิดฝนฟ้าคะนองที่หนักที่สุดในรอบหลายปีอันเป็นผลจากพายุที่กำลังเคลื่อนตัวเข้ามา โดยพายุไต้ฝุ่นคัลแมกีจะเคลื่อนตัวเข้าสู่เวียดนามในวันที่ 7 พฤษจิกายนนี้ และคาดว่าจะอ่อนกำลังลงหลังผ่านเวียดนาม และจะกลายเป็นพายุดีเปรสชั่น เมื่อเข้าสู่ภาคอีสานของประเทศไทย
กรมอุตุนิยมวิทยาได้ออกประกาศเตือนพื้นที่ภาคเหนือ อีสาน และกลาง ว่าด้วยอิทธิพลของพายุคัลแมกีจะส่งผลให้ในช่วงวันที่ 7–9 พ.ย. 68 ประเทศไทยตอนบนมีฝนเพิ่มขึ้น และมีฝนตกหนัก ถึงหนักมากบางพื้นที่ โดยจะเริ่มจากบริเวณภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ภาคตะวันออก ภาคกลาง และภาคเหนือตามลำดับ ขอให้ประชาชนในบริเวณดังกล่าวระวังอันตรายจากฝนตกหนักถึงหนักมาก และฝนที่ตกสะสม ซึ่งอาจทำให้เกิดน้ำท่วมฉับพลัน น้ำป่าไหลหลาก และน้ำล้นตลิ่ง โดยเฉพาะพื้นที่ลาดเชิงเขาใกล้ทางน้ำไหลผ่าน พื้นที่ลุ่ม และพื้นที่น้ำท่วมขัง สำหรับเกษตรกรควรเตรียมการป้องกันและระวังความเสียหายที่จะเกิดต่อผลผลิตทางการเกษตร
สำหรับคลื่นลมบริเวณทะเลอันดามันมีกำลังค่อนข้างแรง โดยมีคลื่นสูง 2-3 เมตร บริเวณที่มีฝนฟ้าคะนองคลื่นสูงมากกว่า 3 เมตร ขอให้ชาวเรือเดินเรือด้วยความระมัดระวัง และหลีกเลี่ยงการเดินเรือในบริเวณที่มีฝนฟ้าคะนอง เรือเล็กบริเวณทะเลอันดามันควรงดออกจากฝั่งในช่วงวันที่ 6–7 พ.ย. 68