จากกรณีการเปิดโปงเรื่องราวอื้อฉาวที่เกิดขึ้นใน เรือนจำพิเศษกรุงเทพ ที่มีการเอื้อผลประโยชน์ให้กับนักโทษจีนเทา ส่งผลให้มีการย้าย ผบ.เรือนจำและเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้องรวม 34 ราย ล่าสุดเมื่อวันที่ 23 พ.ย.68 ที่ผ่านมา นายชูวิทย์ กมลวิศิษฎ์ ได้โพสต์เกี่ยวกับเรือนจนและทุนจีนเทา ในหัวข้อ “สงครามสีเทา” ซึ่งได้ระบุว่า
สงครามสีเทา ทุนเทาเกาะกินทำลายทุกองคาพยพของระบบไทย ยิ่งทุนหนาอย่าง “ทุนจีนเทา” เคยทำได้ถึงขนาดเปิดผับค้ายา เสพไม่หมดฝากยาไว้เสพครั้งหน้าเหมือนฝากเหล้าล่าสุดถึงคิว ”กรมคุก“ เรือนจำพิเศษกรุงเทพใจกลางกรุงแท้ๆ หาใช่เรือนจำบ้านนอกห่างไกล ดันมีบริการส่งผู้หญิงจีนบำเรอกาม สร้างสวรรค์ชั่วคราวให้นักโทษจีนคลายเหงาแก้เซ็งถึงในคุก
กินหรูอยู่สบาย นักโทษวีไอพีไทยกลายเป็นเรื่องเล็ก เมื่อเจอกินเหล้าเคล้าเซ็กส์ของนักโทษวีไอพีจีนเทา เรื่องแดงขึ้นมาจากการ “แทงหลังกันเอง“ หาใช่มีการร้องเรียนจากนักโทษในคุกเพราะการร้องเรียนเป็นลายลักษณ์อักษรทุกอย่างจากข้างในคุก ต้องถูกเซ็นเซอร์ จึงไม่มีทางหลุดออกจากแดนสนธยาไปถึงข้างนอกได้ เรื่องในคุกจะหลุดออกมาได้ต้องมี ”ไฟเขียว“ เท่านั้น
แผนการวางงานโดนโละทั้งกระดาน พาลไปถึงเรือนจำคลองเปรม เรือนจำหญิงกลาง เรือนจำบำบัด รวมถึงการโละอำนาจเก่าไปสู่อำนาจใหม่ ทุนเทายังคงอยู่ไม่ไปไหน แค่รอเวลาคลื่นลมสงบก็กลับมาใหม่ อำนาจใดจะใหญ่กว่าอำนาจทุน แก่จนจะเข้าโลงยังไม่เคยเห็น ยิ่งเรื่องในคุก หากให้ตรวจกันเองก็เหมือนตำรวจสอบตำรวจ ผลออกมาได้แค่แสดงแอ็คชั่นขึงขัง สร้างภาพไปตรวจ
จากนั้นตั้งกรรมการสอบรายชื่อยาวเป็นหางว่าว ปล่อยไปสัก 1-2 เดือน ให้เรื่องเงียบ จะให้ปราบจริงจังไม่มีทางเกิดขึ้นได้ มีแต่ในหนังซีรี่ย์ ไม่ใช่เรื่องจริงที่จะมีในประเทศไทย ต่อไปทุนเทาจะหนักกว่าเก่า เพราะเป็นทุนหนาว่ากันเป็นระดับ ”ห้อง“ ไม่ใช่ระดับ ”กิโล“ ยิ่งช่วงใกล้เลือกตั้ง ทุนเทาคงได้เปิดห้องขนกันเพลิน ห้องใครใหญ่กว่าคือผู้ชนะ เรื่อง “แบ่งกันคนละครึ่ง” ตามนโยบายรัฐบาลไม่มี มีแต่ผู้ชนะคือผู้ที่ไม่แบ่งใคร
อุดมการณ์ถูกเอาไปเร่ขาย นโยบายเป็นเพียงแค่ไม้ประดับข้างรั้วให้ดูดี โบกไม้โบกมือยกมือไหว้บนรถหาเสียง แต่ถึงเวลาจริง คือ ทุนเทาทำงานจ่ายอย่างงาม ใครทุนน้อยหลีกทางไป ไม่มีใครเอาทุนตัวเองมาเล่นการเมือง เหมือนเอาไม้จิ้มฟันไปงัดไม้ซุง ต้องเอาทุนเทามาเกทับ สงครามสีเทาจึงลามเข้าไปทุกภาคส่วนของประเทศไทย เป็นสงครามที่คนไทยไม่มีวันชนะเสียด้วย