เกาะติดข่าวดาราก่อนใคร

กดติดตาม “ทีวีพูล”

banner

จากกรณีที่พระเอกหนุ่ม “บอย ปกรณ์ ฉัตรบริรักษ์” สร้างความฮือฮาด้วยการโพสต์อินสตาแกรมสตอรี่พื้นหลังสีแดงพร้อมข้อความทวงเงินปริศนา ล่าสุดเจ้าตัวได้ออกมาให้สัมภาษณ์เปิดใจถึงประเด็นร้อนดังกล่าวแล้ว โดยยอมรับว่าที่ต้องทำแบบนี้เพราะสุดจะทนแล้วจริงๆ

บอย ปกรณ์ เปิดเผยว่า ตลอดชีวิตที่ผ่านมามีคนติดเงินตนเรื่อยๆ แต่ไม่เคยคิดจะทวงผ่านสื่อ เพราะไม่อยากให้เป็นเรื่องราว แต่เคสนี้จำเป็นต้องทำเพราะประกอบด้วยหลายเหตุผล ทั้งจำนวนเงินที่ค่อนข้างเยอะ และผ่านกระบวนการติดตามทวงถามมานานหลายเดือนแล้ว แต่คู่กรณีใช้วิธีรับปากแล้วก็เลื่อน ตามตัวยาก พอตามตัวได้ก็รับปากแล้วก็เลื่อน วนเป็นลูปอยู่อย่างนี้

“ดูจากคำว่าเราไม่อยากโพสต์ ไม่อยากทำเป็นเรื่อง… แต่เคสนี้คือผมรู้สึกว่ามันประกอบด้วยหลายๆ เหตุผล อย่างแรกเลยคือมันเป็นจำนวนเงินที่ค่อนข้างเยอะ… ผ่านกระบวนการการติดตามกันมานาน แล้วก็มีการรับปากแล้วก็ผลัด แล้วก็ตามตัวยาก แล้วก็ตามตัวได้ แล้วก็รับปาก แล้วก็ผลัด วนๆ อยู่แบบนี้ เป็นลูปอยู่อย่างนี้มานานหลายเดือนแล้ว”

สำหรับยอดเงินดังกล่าวนั้น บอยระบุว่าไม่ใช่การยืมเงิน แต่เป็นการร่วมลงทุนทำธุรกิจ ซึ่งยอดความเสียหายรวมเงินต้นและกำไรที่ควรจะได้คืนเมื่อ 6-7 เดือนที่แล้ว อยู่ที่ประมาณ 13-14 ล้านบาท โดยเงินก้อนนี้ตนเป็นคนลงทุนเองทั้งหมด แม้จะมีชื่อของหน่อง ธนา ร่วมด้วย แต่เงินลงทุนเป็นของตนคนเดียว

ส่วนคู่กรณีนั้น บอยเผยว่าเป็นคนทำธุรกิจที่ทำงานเบื้องหลังในวงการบันเทิง ไม่ใช่ดาราหรือนักแสดง ซึ่งหลังจากที่ตนโพสต์ไป คู่กรณีก็ได้ติดต่อกลับมาแล้ว และได้มีการตกลงขอผ่อนชำระ โดยนัดหมายจะเซ็นสัญญารับสภาพหนี้และตกลงเงื่อนไขการจ่ายเงินในวันพฤหัสบดีนี้

ทั้งนี้ บอย ปกรณ์ ย้ำชัดว่า ตนใจดีและอลุ่มอล่วยให้มาตลอด ขยายเวลาให้เรื่อยๆ แต่ทุกอย่างมีขีดจำกัด หากมีการผิดนัดชำระตามสัญญาฉบับใหม่นี้อีกแม้แต่งวดเดียว ตนจะดำเนินการตามกฎหมายฟ้องร้องทันที เพราะถือว่าให้เวลามามากพอแล้ว

“ผมว่าผมก็อลุ่มอล่วย หยวนๆ ให้เขา ช่วยเหลือเขา แต่ทุกอย่างมันมีขีดจำกัดของมัน… ถ้ามันถึงจุดนึงที่ผมรู้สึกว่า ผมไม่สามารถที่จะขยับให้เขาได้แล้ว ก็คงต้องไปถึงกระบวนการทางกฎหมาย ก็คงต้องไปทางศาล”