เกาะติดข่าวดาราก่อนใคร

กดติดตาม “ทีวีพูล”

banner

วันที่ 10 ต.ค. แอมเนสตี้ อินเตอร์เนชั่นแนล ประเทศไทย ร่วมกับองค์กรภาคประชาสังคมที่รณรงค์เพื่อยุติโทษประหารชีวิต แถลงสนับสนุนรัฐบาลไทย ให้ปฏิบัติตามแผนสิทธิมนุษยชนแห่งชาติฉบับที่ 3 เพื่อนำสู่การยกเลิกโทษประหารอย่างเป็นระบบในอนาคต ตลอดจนยึดคำมั่นสัญญาที่ให้ไว้ในการพิจารณาสถานการณ์สิทธิมนุษยชนของสหประชาชาติ (UPR) เมื่อเดือนพ.ค. 2560 ที่ผ่านมา ว่าจะเปลี่ยนแปลงโทษประหารชีวิตเป็นโทษจำคุกตลอดชีวิต

แถลงการณ์ฉบับนี้มีขึ้นเนื่องใน “วันยุติโทษประหารชีวิตสากล” ซึ่งตรงกับวันที่ 10 ตุลาคมของทุกปี เครือข่ายรณรงค์เพื่อยุติโทษประหารชีวิต ซึ่งนำโดยแอมเนสตี้ประเทศไทย สมาคมสิทธิเสรีภาพของประชาชน และมูลนิธิผสานวัฒนธรรม ยืนยันว่าแนวความคิดที่อ้างว่าโทษประหารชีวิตสามารถช่วยป้องกันอาชญากรรมและคืนความยุติธรรมให้กับผู้เสียหายและครอบครัวได้นั้นไม่เป็นความจริง โดยปัจจุบัน ไม่มีหลักฐานใดที่แสดงให้เห็นว่าโทษประหารชีวิตมีส่วนช่วยป้องกันอาชญากรรมได้ งานวิจัยมากมายทั่วโลกพบว่าโทษประหารชีวิตไม่มีความเชื่อมโยงใดๆ กับการเพิ่มขึ้นหรือลดลงของอาชญากรรม

ตามมาตรฐานระหว่างประเทศ โทษประหารชีวิตและการประหารชีวิตเป็นความรุนแรงประเภทหนึ่งที่โหดร้าย ป่าเถื่อน ไร้มนุษยธรรม และละเมิดศักดิ์ศรีความเป็นมนุษย์ การยอมรับการประหารชีวิตเท่ากับรัฐส่งเสริมให้คนในสังคมใช้ความรุนแรงในการแก้ปัญหา นอกจากนี้ ยังมีความเสี่ยงในการประหารชีวิตผู้บริสุทธิ์ที่ตกเป็นเหยื่อของความบกพร่องของกระบวนการยุติธรรม ซึ่งเกิดขึ้นมาแล้วหลายกรณี

เครือข่ายเห็นว่าการใช้โทษจำคุกตลอดชีวิตกับอาชญากรรมร้ายแรงเป็นโทษที่จำกัดสิทธิและเสรีภาพเกือบทุกด้านของผู้กระทำผิด ซึ่งถือเป็นการลงโทษที่ได้สัดส่วนและสามารถป้องกันอาชญากรรมได้จริง นอกจากนี้ ยังสนับสนุนให้ประเทศไทยพักการใช้โทษประหารชีวิตเป็นบทลงโทษในคดีต่างๆ ต่อไป

ทั้งนี้ ประเทศไทยใกล้จะกลายเป็นประเทศที่ยกเลิกโทษประหารชีวิตในทางปฏิบัติแล้ว เนื่องจากไม่มีการประหารชีวิตประชาชนติดต่อกันมาแล้ว 8 ปี โดยหากไม่มีการประหารชีวิตติดต่อกันครบสิบปี สหประชาชาติจะถือว่าเป็นประเทศที่ยกเลิกโทษประหารชีวิตในทางปฏิบัติทันที ซึ่งจะกลายเป็นพัฒนาการด้านสิทธิมนุษยชนครั้งสำคัญอีกครั้งหนึ่งของไทย

ที่มา – Khaosod