ภายหลังทางกองบังคับการปราบปราม ได้ประกาศต้องการตัว “นางสาวศิริลักษณ์ ศิริเจริญพร” หรือ “เป็กกี้ โอซาก้า” ผู้ต้องหาตามที่ถูกออกหมายจับถึง 6 หมาย ประกอบด้วยคดีฉ้อโกงประชาชน และคดีหมิ่นประมาท นอกจากนี้กลุ่มผู้เสียหายกว่า 4,000 ราย รวมตัวกันเปิดเพจเฟซบุ๊กรวบรวมข้อมูลวีรกรรมของ “เป็กกี้ โอซาก้า” พร้อมเก็บหลักฐานแจ้งความดำเนินคดีเพิ่ม
1 ในผู้เสียหาย ได้ให้ข้อมูลวีรกรรมลวงขายกระเป๋าแบรนด์เนมข้ามโลกครั้งนี้ให้เราฟังว่า ตัวเธอเองเป็นหนึ่งในคู่กรณีของ “เป็กกี้ โอซาก้า” และได้ทราบถึงพฤติกรรมของมิจฉาชีพรายนี้มายาวนานร่วม 6 ปี โดยในปี 2557 ผู้ต้องหารายนี้ใช้ชีวิตอยู่ในโอซาก้า ประเทศญี่ปุ่น และมีการขายกระเป๋าแบรนด์เนมมือ 2 ผ่านทางเฟชบุ๊ก ในขณะนั้นจะเป็นการโพสต์ภาพกระเป๋าแต่ละใบโดยละเอียดทุกมุมให้ลูกค้าได้เลือกซื้อ และนอกจากเธอจะแยกขายทีละใบแล้ว เธอยังขายเหมายกลัง ครั้งละ 3 แสน-4 แสน แล้วแต่สภาพ
“ปัญหามันเกิดขึ้นเมื่อลูกค้ามาโพสต์จองกระเป๋ากันครั้งละร่วม 100 คน แต่กระเป๋าที่เธอโพสต์ขายบางรุ่นมีแค่ใบเดียว พฤติกรรมของเธอก็คือ สั่งให้คนที่จองกระเป๋าโอนเงินมาทั้ง 100 คน แต่เมื่อถึงเวลาส่งของกลับส่งให้แค่เพียง 1 คน กลายเป็นว่ามีคนไม่ได้กระเป๋าอีก 99 คน และจะทำพฤติกรรมแบบนี้ซ้ำๆ ไม่ว่าจะขายเหมายกลัง หรือขายปลีก เรียกได้ว่าคนที่ไปรอซื้อหน้าเฟซบุ๊กของเธอต้องตกเป็นเหยื่อจากวันนั้นจนวันนี้เป็นจำนวนมหาศาล และเหยื่อเกินครึ่งให้ข้อมูลกับทางเราแต่ไม่กล้าแจ้งความเพราะเธอขู่ไว้ว่า ใครแจ้งความจะตั้งทนายฟ้องร้อง จำนวนผู้เดือดร้อนตอนนี้ 4000 คน”
ใครโชคดีก็จะได้รับของจากเธอ แต่ส่วนใหญ่จะไม่ได้รับของ หากมูลค่าน้อยบางคนก็ไม่อยากต่อความยาวสาวความยืด จึงไม่เกิดเป็นคดีความ ต่อมาช่วงปี 2560-2561 เธอจะใช้วิธีไลฟ์สดขายกระเป๋า โดยการขอยืมหน้าร้านของคนอื่นในโอซาก้านั่งไลฟ์สด และหยิบของแต่ละใบ (ซึ่งเป็นของๆ ร้านนั้นๆ) ออกมาไลฟ์ขาย เธอไม่ได้มีหน้าร้านหรือสินค้าเป็นของตัวเอง การไลฟ์ขายของๆ เธอใช้เวลาครั้งละชั่วโมงกว่าๆ พอจบไลฟ์ ก็จะให้คนจองสินค้าโอนเงินเข้ามาในบัญชี ซึ่งเป็นบัญชีที่เปิดในประเทศไทย
“บ่อยครั้งที่ลูกค้าถูกเบี้ยว โอนเงินแล้วไม่ได้ของ เพราะเธอยังใช้พฤติกรรมเดิมๆ แบบนี้มาเป็นระยะเวลาร่วม 6 ปี แล้ว เฟชบุ๊กก็เปลี่ยนมาหลายรอบ ส่วนร้านค้าที่เธอไปขอเค้าใช้สินค้าไลฟ์สดขายหลายร้านรู้พฤติกรรมจึงไม่ให้เข้ามาไลฟ์อีก เธอก็มีวิถีทางไปขอร้านอื่นไลฟ์ขายอีกแล้วทำพฤติกรรมซ้ำแบบเดิม ส่วนผู้เสียหายที่เข้าไปแจ้งความ ก็ได้แต่แจ้งความเอาไว้ ยังไม่มีหน่วยงานไหนประสานจับตัวเธอส่งกลับมาดำเนินคดีในไทย และยังนั่งไลฟ์สดขายของจนถึงทุกวันนี้”
เคยมีเพื่อนคนหนึ่งของผู้เสียหาย พยายามเข้าไปพูดคุยเจรจาให้เธอโอนเงินคืน และชดใช้ค่าเสียหายให้เจ้าทุกข์ทุกๆ คน แต่กลับกลายเป็นถูกเธอด่าเสียบประจาน ขุดประวัติคนในครอบครัวของเพื่อนออกมาล่าแม่มด จนต้องเป็นเรื่องฟ้องร้องดำเนินคดีข้อหาหมิ่นประมาท
“อยากจะขอเตือนนักช็อปออนไลน์ อย่าเผลอไปตกเป็นเหยื่อ เพราะเชื่อว่าหากเธอยังไม่ถูกตำรวจจับดำเนินคดี เธอก็ต้องทำพฤติกรรมซ้ำแบบเดิมเรื่อยๆ ตอนนี้ข้อมูลรายละเอียดทั้งหมดได้ส่งมอบไปยังเจ้าหน้าที่ตำรวจกองปราบปราม และหวังเป็นอย่างยิ่งว่า ตำรวจกองปราบ จะประสานขอความร่วมมือจัดการกับมิจฉาชีพรายนี้ได้ในเร็ววัน”