สำนักงานบรรเทาสาธารณภัยแห่งชาติของอินโดนีเซีย แถลงในตอนก่อนรุ่งสางของวันจันทร์ว่า ตัวเลขผู้เสียชีวิตได้เพิ่มขึ้นเป็น 82 คนแล้ว การเสียชีวิตจำนวนมากเกิดขึ้นที่บริเวณด้านเหนือและด้านตะวันตกของลอมบ็อก
ทางด้าน อากุส เฮนดรา ซันจายา โฆษกของหน่วยค้นหาและกู้ภัยเขตมาตารัม บอกกับสำนักข่าวเอเอฟพีว่า มีผู้เสียชีวิต 19 คนที่โรงพยาบาลตันจุง ซึ่งตั้งอยู่บริเวณตอนเหนือของเกาะลอมบ็อก
ในจำนวนผู้เสียชีวิต เป็นทารกวัย 1 ขวบคนหนึ่ง และคนชราอายุ 72 ปีคนหนึ่ง โฆษกผู้นี้กล่าวต่อ
สำนักข่าวเอเอฟพีอ้างอิงผู้ทำหน้าที่เป็นโฆษกให้กับสำนักงานบรรเทาสาธารณภัยผู้หนึ่งระบุว่า อาคารจำนวนมากในเมืองมาตารัม ซึ่งเป็นเมืองหลักของลอมบ็อก ได้รับความเสียหาย อาคารเหล่านี้ส่วนใหญ่ใช้วัสดุก่อสร้างที่ไม่ค่อยมั่นคงแข็งแรง
รัฐมนตรียุติธรรมและมหาดไทยของสิงคโปร์ เค. ชานมูกัม ซึ่งกำลังอยู่ที่เมืองมาตารัม ในเวลาที่เกิดแผ่นดินไหวพอดี เขียนลงเฟซบุ๊กว่า ห้องพักของเขาที่อยู่บนชั้น 10 ของโรงแรมอยู่ในอาการสั่นอย่างรุนแรง และกำแพงหลายด้านแตกร้าว
“ทำไม่ได้เอาเลยที่จะยืนขึ้นมา ได้ยินเสียงกรีดร้องระงม” เขาเขียนเอาไว้เช่นนี้ “เดินออกมาข้างนอก โดยเดินลงทางบันได ขณะที่อาคารยังคงสั่นอยู่ ไฟฟ้าดับไปพักหนึ่ง กำแพงแตกร้าวเต็มไปหมด ประตูหลายบานหล่นลงมา”
แผ่นดินไหวคราวนี้เขย่าลอมบ็อกเมื่อตอนหัวค่ำ โดยที่ศูนย์กลางของแผ่นดินไหวเหนือแผ่นดินไหวอยู่บริเวณตอนเหนือของเกาะ ขณะที่ศูนย์กลางใต้ผิวโลกนั้นอยู่ที่ระดับความลึกเพียงแค่ 10 กิโลเมตรเท่านั้น ทั้งนี้ตามข้อมูลของสำนักงานสำรวจทางธรณีวิทยาของสหรัฐฯ
หลังจากเกิดแผ่นดินไหวครั้งหลักแล้ว ยังตามด้วยอาฟเตอร์ช็อกอีกร่วมๆ 20 ครั้ง
พวกเจ้าหน้าที่ได้ออกประกาศเตือนภัยคลื่นสึนามิภายหลังเกิดแผ่นดินไหว แต่ในเวลาต่อมาได้ยกเลิกไป ขณะที่น้ำทะเลซึ่งมีความสูงจนถึงระดับ 13 เซนติเมตรได้ซัดกระหน่ำลึกเข้าไปในหมู่บ้าน 2 แห่ง ดวีโคริตา คาร์นาวาตี ผู้อำนวยการสำนักงานอุตุนิยมวิทยา, ภูมิอากาศวิทยา และธรณีฟิสิกส์ ของอินโดนีเซียบอกกับสถานีโทรทัศน์ท้องถิ่นสื่อท้องถิ่นรายงานว่า พื้นที่ส่วนใหญ่ของลอมบ็อกไฟฟ้าดับ